น.อ.อนันท์ สุราวรรณ ผบ.กรมรบพิเศษที่ 1 หน่วยซีล เปิดเผยถึงภารกิจ “พาหมูป่ากลับบ้าน” ว่า ผมลงพื้นที่มาถึงวันแรกเวลาประมาณ 02.00 น. พอประมาณ 04.00 น. ก็ได้เข้าไปในถ้ำ พวกเราเป็นชาวทะเล เมื่อได้รับรายงานว่าเหตุในถ้ำ ก็นึกไม่ออก แต่น่าจะไม่ยาก แต่พอเข้าไปในถ้ำก็รู้สึกว่า ไม่ใช่แล้ว มันมืดสนิทและต้องปีนโขดหินเข้าไป เราเริ่มดำน้ำ ตลอดเส้นทางผนังถ้ำเต็มไปด้วยโคลน จึงมั่นใจได้ว่า ถ้ำนี้น้ำท่วมแน่ๆ ระหว่างตี 5 ถึง 4 โมงเย็น ทำงานกันลืมเวลา แต่สังเกตว่า น้ำขึ้นเรื่อยๆ และขึ้นเร็วมาก ชั่วโมงละ 3-4 ซ.ม. ก่อนเพิ่มเป็นชั่วโมงละหลายสิบซ.ม. จึงมาปรึกษานายณรงค์ศักดิ์ เพื่อเร่งสูบน้ำออกจากถ้ำ
ระหว่างรอน้ำลด หน่วยซีลได้ดำน้ำวางแนวเส้นทางไปถึงสามแยกในถ้ำ นั่นเป็นเหตุให้เราต้องรับบริจาคถังอากาศเพิ่ม ซึ่งระหว่างเรารอน้ำลด ก็วางไลน์กันไปเรื่อยๆ กระทั่งนักดำน้ำชาวอังกฤษไปพบทั้ง 13 คนจากโถง 3 จน ใช้เวลา 5 ชั่วโมงและวางแนวเส้นทางไว้ ทีมงานจึงได้เตรียมเสบียงต่างๆ อาหาร เจล แผ่นฟอยด์เข้าไป
ครั้งแรกคัดเลือกคนที่เก่งที่สุดไป 4 คน ครั้งที่ 2 ซึ่งก็ส่งหมอภาคย์ไปด้วย ซึ่ง 2 ทีมแรก หายไป 23 ชั่วโมงนั่นเป็นความเครียดของผู้บังคับบัญชา ซึ่งต่างชาติดำไป 5 ชั่วโมงเราคิดว่า เราก็คิดว่าไม่เกิน 7 ชั่วโมงแต่ผ่านไป 23 ชั่วโมงแล้ว ชุดแรกถึงเพิ่งกลับมา และกลับมา 3 คนเท่านั้น ซึ่งอากาศที่ใช้นั้นเกือบหมดทุกคน ทำให้ต้องกลับมาแค่ 3 คน ผู้บังคับบัญชานั้นเครียดตลอดเวลา เพราะความมืด เราไม่คุ้นกับสภาพถ้ำ อากาศ และน้ำที่ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อใดซึ่งทั้ง 3 คนอาการแย่มากและต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล
ในวันนั้น “จ่าแซม” ที่อาสาไปวางขวดอากาศพร้อมนักดำน้ำต่างชาติ โดยวางขวดอากาศตามแนวที่กำหนดไว้ โดยนักดำน้ำต่างชาติใช้เวลาวางประมาณ 3 ชั่วโมง ส่วนจ่าแซมและนักดำน้ำต่างชาติที่ไปด้วยกันหายไป 7 ชั่วโมง ตอนนั้นยังประเมินสถานการณ์และมั่นใจว่าอาจเหนื่อยแล้วแวะพัก จนประมาณตีหนึ่ง คู่บัดดี้ดำกลับมาคนเดียว และแจ้งให้เรารู้ว่าเกิดเหตุไม่ดี ซึ่ง 1 ชีวิต แลกกับ 13 ชีวิตมันก็ยอมรับได้ หน่วยเราถูกฝึกมาเพื่อเหตุแบบนี้อยู่แล้ว