ในที่สุดความเหม็นเน่าคลุ้งไปทั่วศาลกรุงเทพมหานคร ก็ปรากฎขึ้นมาจนได้ หลังจากที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ประกาศร่างทีโออาร์ประกวดราคาจ้างเหมาเอกชนโครงการกำจัดมูลฝอยโดยระบบเตาเผามูลฝอย ขนาดไม่น้อยกว่า 1,000 ตันต่อวัน เพื่อผลิตไฟฟ้า ที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุชและหนองแขมของกทม. โครงการละประมาณ 6,570 ล้านบาท รวมสองโครงการอยู่ที่ 13,140 ล้านบาท
โครงการนี้วิพาวิจารณ์กันหนักตั้งปี 2561 ทำนองส่อไปในทางล็อกสเปกให้กับเอกชนบางราย จริงเท็จแค่ไหนผู้เกี่ยวข้องเท่านั้นที่จะรู้ แต่มีเงื่อนงำหลายอย่างที่ทำให้เกิดข้อสงสัย อย่างเช่นกำหนดเงื่อนไขละเอียดยิบ กำหนดเวลาการยื่นซองที่กระชั้นชิด เรียกว่าแทบไม่เปิดโอกาสให้คู่แข่งรายอื่น โดยเฉพาะบริษัทที่มีเทคโนโลยีดีๆจากต่างประเทศ
เรื่องนี้จริงๆแล้วเริ่มสิ่งกลิ่นโชยมาระยะหนึ่งแล้ว ไม่ใช่แค่เดือนสองเดือน ดูเหมือนส่งกลิ่นมาตั้งแต่ปี 2561 มีการพูดจากันในวงผู้รับเหมาแบบหนาหูมาก กับโครงการนี้ ถึงความไม่ชอบมาพากลในหลายๆประเด็น จนทำให้มีการวิพากวิจารณ์กันอย่างหนักสำหรับการเปิดประมูลช่วงที่ผ่านมา
สิ่งที่ผิดปกติกับโครงการนี้มีอยู่ 2-3 ประเด็น
1.เงื่อนไขการประมูลที่กำหนดออกมาก็มีเสียงนินทา ทำนองเอื้อประโยชน์บางราย
2.เรื่องของราคาค่าจ้างกำจัดขยะ รายที่ดูเหมือนเป็น ขวัญของใครบางคน กลับเสนอราคาสูงกว่า 900 บาทต่อตัน ขณะที่อีกรายดูเหมือนเป็น เอกชนแถวๆจังหวัดพิษณุโลก เสนอราคาค่าจ้างกำจัดขยะอยู่ที่ตันละ 400 กว่าบาท แต่รายนี้กลับไม่ได้รับความสนใจ
เมื่อราคาที่เสนอถูกกว่ากลับไม่ได้รับความสนใจ จนเป็นเหตุแห่งการร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการนี้ ข้อร้องเรียนส่อเอื้อประโยชน์ให้เอกชนบางราย จึงทำให้เรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)นั่นเอง
ใช่เรื่องราคาที่มีความต่างกันหรือไม่ที่ทำให้ นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯกทม. เมื่อเห็นราคาแล้วถึงกับต้องยื่นใบลาออกจาก รองผู้ว่าฯกทม.ไปก่อน แบบไม่ต้องเสียดายเก้าอี้ เพราะหากยังอยู่ต่อในตำแหน่งนี้ต้องรับผิดชอบในการเซ็นสัญญากับเอกชนที่เลือกไว้
3. โครงการนี้มีการประวิงเวลาที่ผู้เกี่ยวข้องไม่ยอม กระทำการใดๆ เท่ากับดองเรื่องไว้แล้วประมาณ 6-7 เดือน หากฝืนกระทำอะไรไปมีโอกาสติดคุกสูง
ฉะนั้นหากไล่เรียงเรื่องราวที่เกิดขึ้น จึงไม่แปลกใจว่าทำไม นายจักกพันธุ์ ผิวงาม ถึงต้องประกาศตัวขอลาออกจากตำแหน่งรองผู้ว่าฯกทม. แม้จะมีการกล่าวอ้างว่าสุขภาพไม่ดี อาจเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญความไม่ถูกต้องที่กำลังจะเกิดขึ้นต่างหากที่ต้องทำให้ นายจักกพันธุ์ ผิวงาม โบกมือลาเก้าอี้รองผู้ว่าฯกทม.ไป เช่นเดียวกับ นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ รองผู้ว่าฯ กทม. หากยังอยู่ต่อเขาคนนี้อาจต้องรับ “ไม้ต่อ” นั่นแสดงว่าโครงการนี้ระดับรองผู้ว่าฯกทม.ย่อมรู้ดีว่าเป็นอย่างไร
ขณะเดียวกัน ยังมีเสียงนินทากันยกใหญ่ทำนองยกโขยงไปทัวร์เมืองจีนกันมาแล้ว ส่วนจะมีใครไปบ้าง คงไม่ต้องสาธยาย ไปทำอะไรอย่างไร
โครงการนี้ส่งกลิ่นมานานแล้ว แม้กระทั่งมท.1 เองก็ได้กลิ่นมาเหมือนกัน จนใครต่อใครพูดกันมาตลอดมันไม่จบลงง่ายๆ

เรื่องนี้หาก พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. สามารถเข้าไปจัดการให้เป็นเรื่องที่โปร่งใส จัดการกับการล็อกสเปกอย่างที่พูดๆกัน หากสามารถทำได้จะเป็นเรื่องที่ดี โดยเฉพาะการล็อกให้กับบริษัทเอกชนต่างชาติ ที่ใครๆก็รู้กันตอนนี้ โปรดกระทำการให้ถูกต้อง เพื่อประโยชน์ต่อภาษีประชาชน จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด