พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบหลายกระทรวงร่วมกันเดินหน้าผลักดัน “โครงการไทยนิยมยั่งยืน” โดยใช้งบกลางปีวงเงิน 100,000 ล้านบาท หลังจาก พ.ร.บ.งบกลางปี 2561 มีผลบังคับใช้วันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจึงสั่งการให้ทุกหน่วยงานร่วมกันเริ่มเดินหน้าโครงการอัดฉีดเงินผ่านทุกโครงการของทุกหน่วยงานภายในเดือนมิถุนายนนี้ ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยเตรียมจัดทำการสร้างอาชีพเติมความรู้ 20,000 โครงการ การสนับสนุนคุณภาพชีวิต เช่น สร้างถนนชุมชน การท่องเที่ยวชุมชน พัฒนาน้ำประปาหมู่บ้าน สินค้าโอทอป ได้รับจัดสรร วงเงิน 9,000 ล้านบาท
ด้านนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียนพัฒนาอาชีพ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเฟส 2 จำนวน 6.4 ล้านคน พร้อมจ่ายเงินเข้าบัตรเพิ่ม 1,200 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 24,000 ล้านบาทต่อปี และยังจ่ายเบี้ยฝึกอบรม เตรียมนำชาวบ้านฝึกอบรมอาชีพช่างไฟฟ้า ประปา สร้างอาชีพเสริม เติมความรู้ใหม่ หากต้องการเป็นเถ้าแก่ กระทรวงพาณิชย์ แบงก์ออมสิน พร้อมอุดหนุนผ่านแฟรนไชส์ คาดว่าจะยกระดับกลุ่มรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี ให้พ้นเส้นความยากจนสัดส่วนร้อยละ 30 ของกลุ่มผู้ลงทะเบียน จะติดตามวัดผลผ่าน KPI ของกลุ่มเป้าหมายหลังฝึกอบรม โดยมองว่าเมื่อจีดีพีไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัวร้อยละ 4.8 จะส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนทั้งรายได้ การขายสินค้าไปสู่ชุมชนได้ผลดีมากขึ้น
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ ได้รับจัดสรรงบประมาณ 24,000 ล้านบาท หลังลงพื้นที่รับฟังปัญหาจากชาวบ้าน จึงมุ่งนำมาพัฒนาอาชีพ ทั้งด้านพืช สัตว์ ประมง อุดหนุนผ่านสหกรณ์ 203 แห่ง เน้นการตลาดนำการผลิต 1,700 ล้านบาท การสร้างไซโล ลานตาก ห้องเย็น เพื่อเก็บสต๊อกสินค้าเกษตร การพัฒนาแหล่งน้ำ การนำเกษตรกร 2.1 ล้านคนมาเติมความรู้ อมรม 3-7 วัน จ่ายเบี้ยเลี้ยง 1,200 บาทต่อวัน คาดว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจต่อชุมชนได้ถึง 53,000 ล้านบาท
