Politics

‘เรืองไกร’ ยื่น กกต. ชงสอบ ‘ปดิพัทธ์’ ปมบุกทำเนียบ 1 มี.ค. ทำพ้น ส.ส. หรือไม่

“เรืองไกร” ร้อง กกต. สอบ “ปดิพัทธ์” บุกทำเนียบ มีเหตุต้องสิ้นสุดสมาชิกภาพ ส.ส. หรือไม่ เนื่องจากขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 185 (1) และ (3) 

วันนี้ (2 มี.ค.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า เห็นข่าวเรื่องนายปดิพัทธ์ สันติภาดา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รองประธานสภาผู้แทนราษฎร บุกทำเนียบรัฐบาล จนมีการวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายไปต่าง ๆ นานา ไปคนละทิศละทาง โดยไม่ได้อ้างอิงบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 มติคณะรัฐมนตรีกันเลย

บุกทำเนียบ

จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว พบว่านายปดิพัทธ์ ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา และก่อนหน้านั้นได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการนายกรัฐมนตรี รวม 2 ฉบับ คือ หนังสือที่สภาผู้แทนราษฎร ที่ สผ 0001.03/18 ลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 และหนังสือที่สภาผู้แทนราษฎร ที่ สผ 0001.03/26 ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 ด้วย

นายเรืองไกร กล่าวว่า เรื่องนี้จึงควรพิจารณาถึงหน้าที่ และอำนาจของรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 ข้อ 9 ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ได้มีมติรับทราบแนวทางป้องกันการก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ และการบริหารงานบุคคลในราชการพลเรือน ตามที่สำนักงาน ก.พ.เสนอนั้น

ตามหนังสือสำนัก งาน ก.พ. ที่ นร 1012.3/152 วันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติรับทราบนั้น หน้า 4 ข้อ (2.2) ระบุว่า “กรณีสงสัยว่า ส.ส.หรือ ส.ว. ผู้ใดใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็น ส.ส. หรือ ส.ว. กระทำการอันมีลักษณะเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ หรือการบริหารงานบุคคลของข้าราชการพลเรือน ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ต้องห้ามตามมาตรา 185 (1) และ (3) ของรัฐธรรมนูญ และอาจเป็นเหตุให้สมาชิกภาพของ ส.ส.หรือ ส.ว.ผู้นั้น สิ้นสุดลงตามมาตรา 101 (7) หรือมาตรา 111 (7) แล้วแต่กรณี ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องแจ้งต่อผู้มีหน้าที่เพื่อดำเนินการให้มีการวินิจฉัยสมาชิกภาพของ ส.ส.หรือ ส.ว.ผู้นั้น สิ้นสุดลงหรือไม่ ตามนัยมาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญ ต่อไป

บุกทำเนียบ
ปดิพัทธ์ สันติภาดา

นายเรืองไกร ระบุว่า ยังไม่พบว่า ส.ส.จำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมด ที่มีอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 หรือไม่ อย่างไร ดังนั้น จึงมีเหตุอันควร ที่ตนจะทำหนังสือไปถึง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แทน เนื่องจากมาตรา 82 วรรค 4 ให้อำนาจ กกต. ตรวจสอบการกระทำดังกล่าวได้ด้วย

วันนี้ จึงได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ถึง กกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบ และพิจารณาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การที่นายปดิพัทธ์ ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ลงนามออกหนังสือไปถึงเลขาธิการนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ฉบับ และการเดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2567 ดังกล่าว เข้าข่ายขัดต่อข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 ข้อ 9 หรือไม่

และเข้าข่ายอันควรสงสัยตามข้อ (2.2) ตามหนังสือของสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1012.3/152 วันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 หรือไม่ และการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายจะทำให้สมาชิกภาพ ส.ส.ของนายปดิพัทธ์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (7) เพราะเข้าข่ายกระทำการอันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 185 (1) หรือไม่

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo