“เศรษฐา” โอด! ลดดอกเบี้ยเพียงสลึงเดียว ก็แบ่งเบาภาระประชาชนได้ แต่เขาไม่ทำ! ลั่นไม่ได้มาเอาชนะกัน แต่ถึงเวลาแล้วหรือยัง?
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่เศรษฐกิจไทยไตรมาส 4/66 ขยายตัว 1.7% และทั้งปีขยายตัวได้เพียง 1.9% ซึ่งต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ว่า วันนี้ต้องยอมรับว่ายังไม่มีเม็ดเงินใหม่เข้าไปในระบบ ซึ่งตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามายังไม่สามารถใช้เงินงบประมาณได้ ทำให้ทุกกระทรวงใช้นโยบายของแต่ละกระทรวงเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพื่อกระตุ้นชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น โดยรัฐบาล ได้พยายามดำเนินทุกมาตรการที่สามารถทำได้
ขณะเดียวกัน เห็นว่ามาตรการที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้ โดยไม่ต้องใช้เงินงบประมาณเลย คือ การปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่ก็ยังไม่ได้มีการปรับลดลง
“วันนี้ต้องยอมรับว่าไม่มีเม็ดเงินใหม่เข้าไปในระบบเลย หลายสำนักมีการปรับประมาณการณ์ GDP ลงอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลได้พยายามดำเนินการทุกมาตรการที่มีอยู่ ส่วนตัวขอฝากไว้ว่า นโยบายดอกเบี้ย ไม่ต้องใช้งบประมาณ ซึ่งขณะนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2.5% หากลดลงเหลือ 2.25% เพียงสลึงเดียว ก็จะช่วยบรรเทาภาระของพี่น้องประชาชนทุกคนได้ แต่เขาไม่ลดกัน” นายเศรษฐา กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ได้พูดคุยกับเลขาธิการสภาพัฒน์ และบอกว่ารัฐบาลได้ทำทุกวิถีทางแล้ว รวมถึงได้สอบถามเลขาธิการสภาพัฒน์ว่ามีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเลขาธิการสภาพัฒน์ระบุว่าได้คุยกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าถึงเวลาที่จะต้องลดดอกเบี้ยลง
“ผมบอกว่า ทำไมไม่พูดคุยต่อหน้าสาธารณะชนบ้าง และพูดคุยในภาษาที่ชัดเจน และไม่ว่าจะเป็นเลขาสภาพัฒน์ ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ผมก็จบเศรษฐศาสตร์มา ตรงนี้เราไม่ได้มาเอาชนะกัน แต่ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่จะมีการลดดอกเบี้ยเกิดขึ้น เพื่อรองบประมาณที่จะคลอดออกมาผมได้สอบถามกับเลขาธิการสภาพัฒน์ว่าสามารถทำอะไรได้อีก หากมีอะไรที่ทำได้ ก็ขอให้เสนอมา ผมไม่ได้จมปรักอยู่กับการลดดอกเบี้ยอย่างเดียว แต่การลดดอกเบี้ยเป็นการแบ่งเบาภาระของประชาชน คนไทยทุกคน ซึ่งเห็นอยู่แล้วสำหรับตัวเลขที่ออกมา อย่างเช่นนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ก็พยายามที่จะออกมาให้เร็วที่สุด” นายเศรษฐา กล่าว
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายกังวลว่าการเติมเงินเข้าไปในระบบถึง 5 แสนล้านบาท อาจจะทำให้เกิดเงินเฟ้อได้นั้น นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ปัจจุบัน อัตราเงินเฟ้อติดลบอยู่แล้ว หากจะบอกว่าติดลบจากการที่รัฐบาลช่วยเหลือประชาชนผ่านมาตรการลดราคาน้ำมัน หรือพยุงค่าไฟฟ้า แต่หากถอดมาตรการช่วยเหลือนี้ออกไป เงินเฟ้อก็ยังขึ้นมาไม่ถึง 1% ยังไม่ถึงกรอบล่างด้วยซ้ำ (กรอบเงินเฟ้อ 1-3%)
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า หลายนโยบายที่รัฐบาลทำ อาจต้องใช้เวลา รวมไปถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตด้วย ซึ่งหากทุกคนเห็นด้วยและพิสูจน์ได้ว่าจะไม่มีการทุจริตเกิดขึ้น ก็จะพยายามทำออกมาให้เร็วที่สุด อยากจะให้เกิดขึ้นภายในเดือนพฤษภาคม ส่วนนโยบายอื่นก็พยายามดำเนินการอยู่ รัฐบาลพยายามดำเนินการทุกอย่างที่สามารถทำได้ ณ วันนี้ และยินดีรับฟัง ว่าอยากให้รัฐบาลทำอะไร แต่ต้องคำนึงว่างบประมาณสามารถใช้ได้หรือไม่ อย่างเร็วที่สุด 1 เมษายน จากเดิมเดือนพฤษภาคม ซึ่งพยายามเร่งอยู่แล้ว
“ขณะนี้มีทั้งคำเสนอแนะจากคณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งรัฐบาลต้องรับฟัง และพยายามทำให้อยู่ในกรอบเวลาให้เร็วที่สุด ซึ่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย บอกว่าขอเวลาในการดูเอกสารข้อเสนอแนะก่อน โดยอยู่ในกรอบ 30 วัน หรืออาจจะเร็วขึ้นได้ 1-2 สัปดาห์” นายกรัฐมนตรี กล่าว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘เศรษฐา’ เมินคำพูดด้อยค่า ‘ดาวไร้แสง’ ลั่นเดินหน้าทำงาน ยังไม่คิดปรับ ครม.
- ‘เศรษฐา’ ขออย่าดราม่า! ลั่น ‘นายกรัฐมนตรี’ มีคนเดียวคือผมนี่แหละ!!
- ‘ภูมิธรรม’ ฟาดกลับ ‘ชัยธวัช’ ปม ‘นายกฯ 2 คน’ บอกอย่าจินตนาการเกินไป!
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- Twitter: https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg