Politics

‘รทสช.’ ชง 3 มาตรการ บี้ ’รัฐบาล’ เข้มบังคับใช้กฎหมายกลุ่มป่วนขบวนเสด็จ

“รทสช.” ชง 3 มาตรการ บี้ “รัฐบาล” เข้มบังคับใช้กฎหมายกลุ่มป่วนขบวนเสด็จ ทบทวนมาตรการถวายความปลอดภัยครั้งใหญ่

ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่1 ทำหน้าที่ประธานการประชุมพิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจา เพื่อให้รัฐบาลเร่งดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมาย ทบทวนระเบียบแผน และมาตรการ การถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จให้เหมาะสม ทันสมัย มีการฝึกซ้อม และประชาสัมพันธ์สื่อสารกับประชาชนเป็นการถวายความปลอดภัยให้สมกับเกียรติยศ เพื่อรักษาไว้ซึ่งสถาบันหลักชาติ เสนอโดยนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)

รัฐบาล

โดยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ชี้แจงว่า เหตุผลที่ตนได้เสนอญัตตินี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มีการไปรบกวน ก่อกวนขบวนเสด็จฯ ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจให้ประชาชนคนไทย ตนเห็นว่ากรณีนี้หากไม่มีการบริหารจัดการอย่างเร่งด่วน จะทำให้สถานการณ์บานปลาย กระทบต่อความสงบเรียบร้อยศีลธรรมอันดี โดยเฉพาะความมั่นคงของประเทศ เหตุการณ์ดังกล่าวตนเห็นคลิปจากสื่อมวลชน ทำให้รู้สึกตกใจ เนื่องจากชัดเจนว่าขบวนเสด็จฯที่กำลังใช้ช่องทางสัญจรเป็นขบวนที่สั้นมาก การถวายความปลอดภัยในวันนั้นดำเนินการด้วยความระมัดระวังไม่ให้กระทบประชาชน นอกจากนี้ยังไม่ปรากฎว่ามีการปิดถนนเส้นนั้นเลย แต่รถผู้ก่อนเหตุวิ่งมาด้วยความเร็ว เจตนาชัดเจนว่าพยายามขับรถไล่ขบวนเสด็จฯ จากนั้นได้ปรากฎอีกคลิปที่ทำให้เห็นเจตนาของผู้ก่อเหตุคืออะไร

“ในขณะที่ผมรู้สึกโกรธจนเกือบถึงขีดสุดจนกระทั่งจะเกิดเป็นความรังเกียจกับพฤติกรรมที่เกิดขึ้น มีประโยคหนึ่งที่แว่วเข้ามาบันดาลใจให้ผมดึงสติลดความโทสะลง คือพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ท่านได้ทรงตรัสไว้ว่า Thailand is the land of compromise ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งความประณีประณอม หลังจากเกิดกรณีไปรบกวนขบวนเสด็จฯเมื่อช่วงปลายปี 2563” นายเอกนัฏ กล่าว

นายเอกนัฏ ชี้แจงต่อว่า ตนเฝ้ารออยู่ว่า เมื่อเหตุเกิดขึ้นในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ในที่สุดแล้วเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะออกมาอย่างไรบ้าง จะบังคับใช้กฎหมายอย่างไร แต่ตนรอหลังเหตุการณ์ผ่านไปเกือบ 1 สัปดาห์ ต้องบอกว่าการแสดงท่าทีไม่ชัดเจน จนกระทั่งวันที่ 10 กุมภาพันธ์  ผู้ก่อเหตุเหิมเกริมไปทำโพลที่สถานีรถไฟฟ้าสยาม จนกระทั่งมีการกระทบกระทั่งกับอีกฝ่ายที่ไม่พอใจ ยืนยันว่าตนไม่อยากซ้ำเติมความร้าวฉานที่เกิดขึ้นต่อทั้ง 2 ฝั่ง แต่ไม่อยากให้เกิดเหตุแบบนี้อีก หากเราไม่รีบบริหารจัดการสถานการณ์จะบานปลายไปสู่ความแตกแยกประทุไปสู่ระดับประเทศ จึงขอส่งสัญญาณ และเสนอไปยังรัฐบาล รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งรัดดำเนินการยับยั้งไม่ให้สถานการณ์บานปลาย ดังนี้

427979102 940985794140133 3003901265606332995 n

1.ขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการบังคับใช้กฎหมายทันที ไม่ใช่เป็นการล่าแม่มด หรือต้องการประหัตถ์ประหารใช้ศาลเตี้ยวินิจฉัย แต่เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง การใช้สิทธิเสรีภาพมีกรอบชัดเจนต้องไม่ไปละเมิดสิทธิคนอื่นและไม่ทำผิดกฎหมาย

2. ขอให้มีการทบทวนปรับปรุงระเบียบและแผนมาตรการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2548 เนื่องจากบริบท และภัยคุกคามเปลี่ยนไป ให้มีความเข้มงวด กระชับ ชัดเจน มีเจ้าภาพ เหมาะสมทันสมัย มีการซ้อมแผนเผชิญเหตุ มีขอบเขตพื้นที่แบ่งความรับผิดชอบให้ชัดเจนมากขึ้น เพื่อป้องกันการกระทำผิดซ้ำจนกลายเป็นแฟชั่น หรือค่านิยมใหม่ที่เกิดขึ้น เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่อาจกังวลว่าจะมีความเชื่อมโยงไปสู่ความยัดแย้งทางการเมือง หากปฏิบัติเข้มงวดไปจะมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่ แต่ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพราะตำรวจไม่ใช่เซลล์ที่ต้องมาคำนึงถึงความพึงพอใจของลูกค้า ผู้ก่อเหตุกระทำการอย่างเหิมเกริมท้าทาย แต่เจ้าหน้าที่ดำเนินการล่าช้าไป

ดังนั้นเมื่อพ.ร.บ.ถวายความปลอดภัย พ.ศ.2560 อัพเดตแล้วระเบียบและมาตการดังกล่าวต้องอัพเดตด้วย ภารกิจถวายความปลอดภัยถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ต้องดำเนินการแบบไร้รอยต่อ

3.ที่สำคัญที่สุด คือต้องประชาสัมพันธ์สื่อสารกับประชาชน ว่าสามารถทำอะไรบ้าง อาจมีผลกระทบอย่างไรบ้าง และที่สำคัญที่สุดประชาชนจะต้องทำตัวอย่างไร เพราะต้องยอมรับว่า ภารกิจการถวายความปลอดภัยไม่มีที่ไหนในโลกที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณพระเมตตา พยายามให้การปฏิบัติพระราชกรณียกิจ หรือเส้นทางการสัญจรรบกวนประชาชนให้น้อยที่สุด

เชื่อว่ามีประชาชนหลายคนต้องการให้ความร่วมมือ และช่วยเป็นหูเป็นตาไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก เพราะหากปล่อยปละละเลยไม่เข้มงวดเหตุการณ์แบบนี้อาจจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวนำไปสู่ความวุ่นวายการปะทะให้หมู่ประชาชนจนแตกแยก ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เราอยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข ไม่อยากเห็นค่านิยมเป็นแฟชั่นไปบั่นทอนสถาบันหลักของประเทศ จึงขอให้มีการทบทวนมาตรการต่างๆ เพื่อถวายความปลอดภัยให้สมพระเกียรติ เพื่อรักษาไว้ซึ่งสถาบันเสาหลักของชาติ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo