Politics

‘จตุพร’ เชื่อ ‘เพื่อไทย’ ลำบาก หลัง ‘ก้าวไกล’ ไม่โหวตนายกฯ-ถูกพรรค 2 ลุงบีบ

“จตุพร” เชื่อ “เพื่อไทย” ลำบาก หลัง “ก้าวไกล” ไม่โหวตนายกฯ ถูกพรรค 2 ลุงบีบแบ่ง รมต. หนัก ส่วน สว. ยิ่งเพิ่มตรวจสอบ “เศรษฐา” เข้มข้น

เมื่อ 15 .. 2566 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอนเสื่อมสุด!!” โดยประเมินว่า เมื่อพรรคก้าวไกลมีมติไม่โหวตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ย่อมทำให้เพื่อไทยขาดอำนาจต่อรองมากขึ้น ขณะเดียวกันพรรค 2 ลุง ยิ่งโถมทับเพิ่มแรงบีบร่วมรัฐบาล ขณะที่เสื้อแดงลุกฮือด้วยอารมณ์ชิงชัง รวมทั้งมวลชนต่อต้าน ดังนั้น เพื่อไทยกำลังถูกต้อนเข้ามุมอับ ซึ่งสิ่งที่คิดว่าง่าย คงไม่ง่ายอีกแล้ว

จตุพร

นายจตุพร เห็นว่า คนจะมาเป็นนายกฯ ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตตามที่บัญญัติไว้ใน รธน. อีกทั้งต้องมีมาตรฐานทางจริยธรรมการบริหารประเทศเพราะต้องดูแลภาษีประชาชนและสมบัติของชาติและสิ่งสำคัญจะนำมาตรฐานพ่อค้ามาเทียบมาตรฐานนายกฯไม่ได้ดังนั้นคนจะมาเป็นนายกฯต้องผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติก่อนเป็นสำคัญ

จึงหวังว่านายเศรษฐา ทวีสิน (แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย) เมื่อต้องการเป็นนายกฯ ไม่ควรนิ่งเงียบ แต่ควรชี้แจงการตรวจสอบอย่างเป็นระบบของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เพื่อทำความจริงให้ปรากฎ และสิ่งที่น่ากังขานั้น พรรคเพื่อไทยกลับนิ่งนอนใจ ทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวจากการตรวจสอบด้านจริยธรรมทางการเมืองครั้งสำคัญเช่นนี้

ภาพหน้าจอ 2566 08 16 เวลา 08.51.36

นายจตุพร กล่าวว่า สถานการณ์โหวตนายกฯ ยังต้องรอ ศาล รธน.จะพิจารณารับหรือไม่รับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีการโหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลครั้งที่สองเป็นมติซ้ำซ้อนและขัด รธน.หรือไม่? เพราะมีผลกระทบถึงการโหวตนายกฯ ของรัฐสภา หากศาล รธน.ไม่รับคำร้องไว้พิจารณา การประชุมคงเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งคาดกันว่า รัฐสภาจะโหวตนายกฯ ในวันที่ 18 หรือ 22 .. นี้

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ก่อนการโหวตนายกฯ นั้น อาจมีการแถลงอย่างเป็นทางการระหว่างเพื่อไทยกับ พลังประชารัฐ (พปชร.) และ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในการร่วมรัฐบาลและแบ่งสรรตำแหน่ง รมต.ที่แต่ละพรรคจะได้รับ โดยขณะนี้ทั้งสองพรรคยังไม่ได้รับเทียบเชิญจากเพื่อไทยจึงเป็นปัญหาต่อเสียงโหวตนายกฯ ของนายเศรษฐา อย่างยิ่ง

แต่ละพรรคการเมือง (ที่ร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทย) ย่อมรู้ว่า วันเป็นนายกฯ ของนายเศรษฐา ไม่มีอยู่จริง มันจบไปแล้ว เพราะ สว. ไม่โหวตให้ แล้วเสียงคงมีไม่ถึง (375 เสียงเกินกึ่งของรัฐสภา) อย่างแน่นอน ดังนั้น เพื่อไทยแถลงว่าได้เสียงเกินครึ่ง ก็เป็นคำพูดไม่แตกต่างจากพรรคก้าวไกลเคยได้รับข่าวดีมาเมื่อครั้งโหวตนายพิธา แต่ในที่สุดมี สว.เพียง 13 เสียงเท่านั้นมาโหวตให้

นายจตุพร กล่าวว่า เพื่อไทยตระบัดสัตย์กับ 8 พรรคร่วมมาก่อน ดังนั้น การเรียกร้องให้พรรคการเมืองอย่าง พปชร.และ รทสช. โหวตนายกฯ ให้ก่อนจึงมาตกลงร่วมรัฐบาล พร้อมกับแบ่งสรรตำแหน่งรัฐมนตรีกัน โดยหวังให้พรรคมาร่วมรัฐบาลได้เชื่อใจ ซึ่งคงเชื่อใจได้ยาก เมื่อเพื่อไทยเพิ่งหักพรรคก้าวไกล กล้าฉีกทิ้ง MOU และไม่มีเยื่อใยกับสัตยาบันที่ลงนามกันมาแล้ว

ขณะนี้ข้อเท็จจริงการร่วมรัฐบาล ยังไม่จบสิ้นความร่วมมือกับพรรคการเมืองใดเลย ยิ่งกับพรรคภูมิใจไทย พปชร. และ รทสช. เพราะไม่ตกลงแบ่งกระทรวง รมต.ให้ยุติเป็นทางการ อีกอย่างพรรคเล็กอย่างชาติไทยพัฒนาก็ยังไม่จบด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เพื่อไทยไม่รู้เลยหรือว่า ชะตากรรมของนายเศรษฐา จะอยู่อย่างไร

นายจตุพร ถามว่า เพื่อไทยจะได้เสียง 375 มาจากไหน เมื่อหักเสียงจากก้าวไกล ไทยสร้างไทย และพรรคเป็นธรรม รวมกันประมาณ 155 เสียง จึงเหลืออีก 345 เสียงที่จะมาร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทย ดังนั้น ต้องหวังเสียง สว.อีกประมาณ 33 เสียง จึงแสดงว่า สว.เป็นจุดชี้ขาดการจัดตั้งรัฐบาลของเพื่อไทย

จตุพร

อีกทั้ง เห็นว่า เมื่อก้าวไกลแสดงจุดยืนไม่โหวตนายกฯ เพื่อไทย ยิ่งทำให้เพื่อไทยลำบากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะมีเสียง สส.เพียง 345 เสีย (โดยรวม ปชป. 25 เสียงเข้าไปด้วย) ย่อมทำให้การตั้งรัฐบาลถูกล็อคด้วยเสียง สว.ทันที ด้วยเหตุนี้ 2 ลุงคือ พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล..ประวิตร วงษ์สุวรรณ จึงยิ้ม หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ส่วนนายพิธา กลับมีแต่ข่าวดี ขณะที่อำนาจต่อรองของเพื่อไทยเริ่มหายไป ซึ่งสถานการณ์แบบนี้เพื่อไทยยังไม่รู้สึกตัว และคงเข้าใจว่าตัวเองยังเป็นต่อทุกกรณีอยู่

เมื่อเข้าสู่สมการบีบ โดยก้าวไกลไม่โหวตให้แล้ว ถ้าเพื่อไทยยังไม่มีเทียบเชิญ พปชร.กับ รทสช.และไม่มีการแถลงร่วมรัฐบาลเป็นทางการ พร้อมหารือแบ่งกระทรวงรัฐมนตรีแล้ว ทุกอย่างคงยากไปหมดกับการโหวตนายกฯ อย่างไรก็ตาม ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยกันจริง วันนี้เพื่อไทยต้องแถลงร่วมรัฐบาลกับ 2 พรรคนี้แล้ว ดังนั้น รูปการณ์นี้จึงเป็นอาการของการร่วมรัฐบาลที่ไม่ลงตัวกัน

นายจตุพร กล่าวว่า นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร พปชร. เป็นคนนิ่งเงียบ มีกหลีกเลี่ยงการพูดทางการเมือง แต่คราวนี้หากไม่ได้รับอนุญาตจาก พล..ประวิตร คงไม่ออกมาพูดให้ 40 เสียงของ พปชร.โหวตให้เพื่อไทย

นอกจากนี้ นายไผ่ ยังพูดย้ำเป็นรายวัน บอกด้วยเสียงสนุกว่า ได้หา สว.มาแถมช่วยอีก 7 เสียง ส่วนเพื่อไทยยังนิ่งไม่เจรจา พปชร. เป็นทางการ เอาแต่หวังรอให้โหวตนายกฯ อย่างเดียวก่อน จึงจะแสดงท่าทีเจรจามาร่วมรัฐบาล อาการอย่างนี้ เชื่อว่า ไม่ง่ายแน่นอน เมื่อ พปชร.ทอดสะพานให้แล้ว กลับไม่ข้ามไปจับมือทำข้อตกลงการร่วมรัฐบาลกัน ดังนั้น ที่เพื่อไทยคิดว่าจะง่ายมันก็ไม่ง่าย

สำหรับนายเศรษฐา จบไปแล้ว โหวตนายกฯ ไม่ผ่านแน่นอน ส่วนกรณี อุ๊งอิ๊ง (แพทองธาร ชินวัตร) ก็อยู่ที่การตัดสินใจ ซึ่งทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพ่อมีอารมณ์เปลี่ยนไปมาได้วันละหลายรอบ อีกอย่างการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เคลื่อนขบวนถี่ขึ้น พร้อมตะโกนล้อเลียนคำพูดอุ๊งอิ๊งว่า ปิดสวิตซ์ 3 . ปิดสวิตซ์ สว. ประชาชนจะมีกินมีใช้ ซึ่งแสดงถึงความระบาดทางอารมณ์ชิงชังมีมากกว่านายเศรษฐา และระบาดได้เร็วมาก ดังนั้น ถ้าคิดไม่ได้ก็เป็นหายนะกรรมนายจตุพร เตือนทักษิณและอุ๊งอิ๊งกับการตัดสินใจจะเป้นนายกฯหรือไม่ ประเทศไทยต้องมาก่อน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo