นิติทันสมัย! กฎหมายไซเบอร์ตรวจเข้มมิจฉาชีพออนไลน์ กำจัดบัญชีม้า บัญชีเสี่ยงก่อนถูกหลอก ย้ำ “พล.อ.ประยุทธ์” เร่งผลักดันนวัตกรรมตรวจจับล้ำหน้าโจร
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงใยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการความร่วมมือเพื่อดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์อย่างจริงจัง และเด็ดขาด และหาแววทางเพิ่มประสิทธิภาพอย่างเข้มข้น จากที่ผ่านมาได้มีการผลักดันพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 เพิ่มอำนาจการยับยั้งธุรกรรมที่อาจเป็นการหลอกลวงประชาชนได้ทันท่วงทีให้กับธนาคาร จากเดิมประชาชนที่โดนหลอกให้โอนเงินต้องไปแจ้งความกับตำรวจก่อนจึงแจ้งมายังธนาคารให้ดำเนินการอายัดบัญชี
ทั้งนี้ ปัจจุบันกฎหมายดังกล่าวทำให้ธนาคารสามารถยับยั้งธุรกรรมได้ภายใน 72 ชั่วโมง สามารถลดการสูญเสียทรัพย์สินได้มาก จากปัจจุบันกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหรือ ดีอีเอสสถิติการแจ้งความร้องเรียนอยู่ที่ 600 รายการต่อวัน ลดลงจากวันละ 800 รายการ นับตั้งแต่มีการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงไซเบอร์ สำหรับเรื่องร้องเรียนและคดีความเฉลี่ย 600 รายการต่อวันนั้น แบ่งเป็น 2 ประเภท 1.การหลอกให้โอนเงินในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการโทรศัพท์หลอกลวง ส่งข้อความฝังลิงก์สแกม หรือแฮกโทรศัพท์ และ 2.การขายสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซที่ไม่ตรงปก
อย่างไรก็ตาม ระบบการระงับธุรกรรมของธนาคารปัจจุบันยังใช้แบบ manual โดยประชาชนที่ถูกหลอกลวงแจ้งไปยังธนาคารต้นทาง และธนาคารต้นทางแจ้งต่อธนาคารที่รับโอนเป็นทอด ๆ กรณีมิจฉาชีพวางแผนมาอย่างดีเพียง 1 นาทีอาจโอนออกไปได้หลายบัญชีทำให้อาจระงับไม่ทันนั้น เรื่องนี้ สมาคมธนาคาร และธนาคารแห่งประเทศไทย กำลังพัฒนาแพลตฟอร์ม รองรับการทำธุรกรรมผ่านธนาคารที่มีความปลอดภัยสูง และป้องกันการหลอกลวงผ่านออนไลน์ ที่เรียกว่า central fraud registry ซึ่งถ้าระบบดังกล่าวแล้วเสร็จจะสามารถตรวจจับธุรกรรมผิดปกติได้ทั้งระบบโดยไม่ต้องแจ้งเป็นทอด ๆ เช่น การโอนเงินต่อเนื่องหลายบัญชี โอนไปในบัญชีเสี่ยง บัญชีม้า เหล่านี้จะถูกตรวจสอบทั้งระบบโดยอัตโนมัติทำให้ยอดการแจ้งความร้องเรียนอาชญากรรมออนไลน์ลดลงได้อีก
“พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ในทุกมิติ ให้ครอบคลุมและล้ำหน้ามิจฉาชีพ ทั้งการป้องกัน ปราบปราม การประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีองค์ความรู้ และพัฒนานวัตกรรมเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความเดือดร้อนกับพี่น้องประชาชนให้ได้” น.ส.ทิพานัน กล่าว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘พิธา-ก้าวไกล’ เสียใจเหตุการณ์ ‘โกดังพลุระเบิด’ ขอส่งกำลังใจให้พี่น้องทุกท่าน
- ‘ทิม พิธา’ เคลื่อนไหวอีกครั้ง บน IG เผยภาพคนสำคัญ เห็นแล้วอบอุ่นใจมาก
- พิธา โดนอีก! ป.ป.ช.สอบ ขายที่ดิน 14 ไร่ 6 ล้าน ต่ำกว่ามูลค่าจริง 18 ล้าน