Politics

คุก 1 ปี ปรับ 2 แสน ‘ธณิกานต์’ อดีต ส.ส.กทม. เสียบบัตรแทนกัน

องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ยืนคุก 1 ปี ปรับ 2 แสนธณิกานต์” อดีต ..กทม.  ใช้อำนาจหน้าที่มิชอบเสียบบัตรแทนกัน รอลงอาญา 2 ปี

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอ่านคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์คดีหมายเลขแดงที่ อม.อธ.9/2566 ที่อัยการสูงสุดยื่นฟ้อง ..ณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ..กทม. พรรคพลังประชารัฐ (ตำแหน่งขณะเกิดเหตุ) กรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2562 จำเลยในฐานะ .. ลงชื่อเข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยไม่ได้ลาประชุม ระหว่างเวลาประมาณ 13.30-15.00 . ซึ่งมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 ... … จำเลยไม่ได้อยู่ในที่ประชุม และได้ฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยไว้กับ ..รายอื่น หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยอยู่ในความครอบครองของ ..รายอื่น โดยความยินยอมของจำเลย เพื่อให้ ..รายนั้นใช้บัตรของจำเลยแสดงตนและลงมติแทน โดยมีเจตนาทุจริตแสวงหาประโยชน์เพื่อตนเอง หรือผู้อื่น หรือมีพฤติการณ์รู้เห็นยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการออกเสียงลงคะแนนแทนกัน ขอให้ลงโทษตาม ...ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ..2561 มาตรา 172

คุก 2

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2565 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ...ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ..2561 มาตรา 172 จำคุก 1 ปี และปรับ 2 แสนบาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี

จำเลยอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์เสียงข้างมากพิจารณาแล้วเห็นว่าคดีนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้โอกาสโจทก์และจำเลยนำพยานหลักฐานของแต่ละฝ่ายเข้าไต่สวนเพื่อพิสูจน์ความผิด หรือความบริสุทธิ์ของจำเลยแล้ว และยังได้เรียกพยานบุคคลมาไต่สวนเพิ่มเติมตามที่เห็นสมควรด้วย ฉะนั้น การที่ศาลจะลงโทษจำเลยได้หรือไม่ จึงต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานที่ได้ความตามทางไต่สวนทั้งหมดประกอบกัน หาใช่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฟังแต่เพียงสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการ ...แล้วผลักภาระการพิสูจน์ให้แก่จำเลยแต่ฝ่ายเดียวตามที่จำเลยอุทธรณ์ไม่

เมื่อทางไต่สวนได้ความจากประจักษ์พยานโจทก์ว่า เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2562 จำเลยจัดทำโครงการเสวนาแบ่งปันความรู้บทบาทแม่ยุคดิจิทัล ที่ห้องประชุมชั้น 5 สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ เลขที่ 1256/9 ถนนนครไชยศรี แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต เมื่อจำเลยมาถึงงานได้มีการพูดคุยเตรียมงานก่อนขึ้นเวทีเสวนากับพยาน

ต่อมา พิธีกรได้เชิญขึ้นเวทีเสวนาขณะนั้น เวลาประมาณ 13.30 . โดยมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันใช้เวลาเกินกว่า 30 นาที แต่ไม่เกิน 1 ชั่วโมง 15 นาที ก่อนออกจากสถานที่จัดงานพยานกับจำเลยได้ถ่ายรูปร่วมกันบนเวที จากนั้นพยานใช้เวลาอีกประมาณ 15 นาที ในการพูดคุยกับผู้มาร่วมงานจนถึงเวลา 15.00 . จึงออกจากสถานที่จัดงานโดยมีบันทึกไทม์ไลน์ส่วนตัวที่บันทึกไว้ใน Google Maps ยืนยันช่วงเวลาสัมพันธ์กับคำเบิกความของพยาน และสอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามลำดับขั้นตอนและใกล้เคียงกับเวลาการจัดงานเสวนา

นอกจากนี้ พยานจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดงาน (ออร์แกไนซ์) เบิกความว่า จำเลยมาถึงงานเสวนาเวลาประมาณ 13.30 . และทุกคนลงจากเวทีเวลาประมาณ 14.00 . ประกอบกับจำเลยมีหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาว่า ในระหว่างการพิจารณาร่าง ...ดังกล่าวจำเลยมีกิจธุระสำคัญต้องออกจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรไปร่วมงานเสวนาวิชาการโครงการกิจกรรมเวทีสาธารณะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้แก่แม่และเด็กในชุมชน และจำเลยยังแจ้งความไว้ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางโพ ว่าจำเลยมิได้เป็นผู้กดปุ่มแสดงตนและลงมติในวาระที่หนึ่งเวลา 13.41 . และวาระที่สามเวลา 14.01 . เพราะรีบออกไปร่วมงานเสวนา อันเป็นการยืนยันว่า จำเลยไม่อยู่ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในเวลาที่เกิดเหตุ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยลงมติด้วยตนเอง ครั้งสุดท้ายเวลา 13.22 .

ต่อมา ในการประชุมพิจารณาร่าง ...เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 .. … มีการลงมติ 2 ครั้ง โดยใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยคือเวลา 13.41 . และ 14.03 . อันเป็นการลงมติต่อเนื่องจากเวลา 13.22 . แสดงว่ามีบุคคลรู้ว่าจำเลยออกจากห้องประชุมเมื่อใดและจะกลับเข้ามาประชุมอีกหรือไม่ รวมทั้งต้องมีบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยในครอบครองเพื่อลงมติแทนจำเลยได้ ทั้งเมื่อจำเลยกลับมาจากงานเสวนาก็ได้ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของตนเองลงมติในการแสดงตน และลงมติพิจารณาระเบียบวาระต่อไปอีกหลายครั้งจนปิดการประชุม

พฤติการณ์บ่งชี้ว่าต้องมีการคบคิดปรึกษากันมาก่อนที่จำเลยมีหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อคณะกรรมการ ...ครั้งแรกยอมรับว่าจำเลยไม่อยู่ในที่ประชุม แต่ต่อมาจำเลยกลับมีหนังสือขอชี้แจงข้อเท็จจริงแก้ข้อกล่าวหาเพิ่มเติมว่าจำเลยลงมติร่าง ...เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 .. … ด้วยตนเอง ต่อมา กลับไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่าจำเลยมิได้เป็นผู้กดปุ่มแสดงตนและลงมติดังกล่าว และเบิกความต่อศาลสรุปความได้ว่าจำเลยไปร่วมงานเสวนาการแสดงผลลงมติตามฟ้องน่าจะเกิดจากความผิดพลาดของระบบ หรืออาจมีผู้อื่นกดปุ่มลงมติโดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลย การให้การของจำเลยจึงมีลักษณะกลับไปกลับมาไม่น่าเชื่อถือ

ข้ออ้างของจำเลยที่ว่าจำเลยอยู่ลงมติด้วยตนเองไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง ทั้งการที่ผลแสดงตน หรือลงมติจะมีชื่อสมาชิกคนใดลงคะแนนอย่างไร พยานโจทก์เบิกความว่า ..ต้องใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของตนเสียบเข้าเครื่องอ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์ กับต้องกดปุ่มแสดงตนหรือลงมติด้วย ดังนั้น หากไม่มีการเสียบบัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติที่เครื่องอ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์และกดปุ่มแล้ว หรือมีการเสียบบัตรค้างไว้แต่ไม่ได้กดปุ่มใดย่อมไม่อาจเกิดการประมวลผลใด ขึ้นได้

สำหรับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในการประชุมเป็นข้อผิดพลาดในขั้นตอนของการประมวลผล ไม่ใช่ข้อผิดพลาดของระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ทั้งระบบ และในวันที่ 8 สิงหาคม 2562 จำเลยได้ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติก่อนและหลังเวลาเกิดเหตุหลายครั้ง แต่จำเลยกลับโต้แย้งเฉพาะเวลา 13.41 .และ 14.01 .ว่าระบบขัดข้องหรือผิดพลาด หากจําเลยลงมติด้วยตนเองจริง จำเลยย่อมต้องแจ้งต่อที่ประชุมสภาถึงข้อผิดพลาดนั้นในทันที เชื่อว่าระบบการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตน และลงมติไม่เกิดข้อขัดข้องหรือผิดพลาดดังที่จำเลยอ้าง

องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์เสียงข้างมากเห็นว่า พฤติการณ์แห่งคดีและพยานหลักฐานแวดล้อมมีเหตุผลและน้ำหนักให้รับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยไว้กับ ..อื่น หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยไปอยู่ในความครอบครองของ ..อื่นโดยความยินยอมของจำเลยเพื่อให้ ..นั้นใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยลงมติแทนตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงพิพากษายืน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo