Politics

‘พิธา’ ตั้งเป้า 345 เสียง! หากไม่ถึงพร้อมเปิดทางให้ ‘เพื่อไทย’ ลั่นผมยังสู้อยู่

“พิธา” ตั้งเป้า 345 เสียง! หากไม่ถึงพร้อมเปิดทางให้ “เพื่อไทย” รับต่อสายตรงคุยขั้วรัฐบาลเดิม ปัดขอคะแนนเสียง แค่คุยแลกเปลี่ยนการเมือง

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ยืนยันมติ 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาลว่า วันที่ 19 กรกฎาคม 8 พรรคมีมติส่งผมเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย และการหารือในเรื่องเกี่ยวกับการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ของพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลได้เสนอเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอีก 7 พรรคที่เหลือ

พิธา

พร้อมถอยให้พรรคอันดับ 2

เมื่อถามว่าจะตั้งหลักอย่างไร หากวันที่ 19 กรกฎาคม มีเสียงสนับสนุนไม่เพียงพอ นายพิธา กล่าวว่า สมรภูมิแรกถ้าคะแนนไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ เราก็พร้อมที่จะถอยให้กับประเทศชาติ ถอยให้พรรคอันดับ 2 ที่อยู่ใน MOU ร่วม ซึ่งก็คือพรรคเพื่อไทย ขณะเดียวกันยังมีเรื่องของม.272 ที่ได้ยื่นเข้าไปแล้ว และต้องบรรจุภายใน 15 วัน ซึ่งต้องมาดูกันอีกทีเพราะเป็นการเสนอของพรรคก้าวไกลเพียงพรรคเดียว ไม่ได้ผูกมัดกับพรรคอื่น

เมื่อถามต่อว่า หากมีการตีความตามข้อบังคับรัฐสภา ที่ทำให้ไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธาซ้ำได้ ทาง 8 พรรคจะดำเนินการอย่างไรในวันนั้น นายพิธา กล่าวว่า มีข้อสรุปในทางกฎหมายเพียงฝ่ายของเรา 18 กรกฎาคมจะมีการประชุมวิปอีกครั้ง ซึ่งถ้ามีการประชุมวิปก็น่าจะเห็นตรงกัน

เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ของพรรคร่วม ในขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง นายพิธา กล่าวว่า เป็นไปได้ด้วยดี มีความพยายามที่จะตั้งรัฐบาลของประชาชนให้ได้ จึงมีมติที่จะเสนอชื่อตนเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง

พิธา

ยังเป็นชื่อผมเพียงคนเดียวอยู่

เมื่อถามว่า มีความต้องการเสียงสนับสนุนจากพรรคชาติไทยพัฒนา หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่เป็นมติของ 8 พรรค เมื่อถามว่าได้มีการเตรียมชื่อสำรองไว้หรือไม่ กรณีที่ชื่อของนายพิธาไม่สามารถเสนออีกต่อไปได้ นายพิธา กล่าวว่า ยังไม่มี ยังเป็นชื่อผมเพียงคนเดียวอยู่

เมื่อถามถึงความคืบหน้าของการหาเสียงสนับสนุนจาก ส.ว. ในการโหวตให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี นายพิธา กล่าวว่า หลังจากวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีการพูดคุยกับ ส.ว. โดยมีทั้งคนที่ไม่ได้มาร่วมโหวตออกเสียงในวันนั้น ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะโหวตสนับสนุน

เมื่อถามว่า นายพิธาได้ต่อสายตรงคุยกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ข้อเท็จจริงและท่าทีเป็นอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่หารือถึงประเด็นทางการเมืองกับเพื่อน ส.ส. และส.ว. ในสภา หรืออยากจะหาข้อมูลก็จะมีการพูดคุยกัน ไม่มีการเชิญเข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งที่มีกระแสข่าวออกมาว่าคุยกับทุกพรรค ยกเว้นพรรคลุง ได้มีโอกาสพูดคุยว่าสถานการณ์นี้มีความคิดเห็นอย่างไร เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการเมือง ไม่มีการโทรไปขอคะแนนเสียง ยืนยันเป็นการพูดคุยแลกเปลี่ยนทางการเมือง ไม่มีการพูดถึงเรื่องการขอเสียงสนับสนุน เป็นเรื่องปกติที่มีการคุยกับหัวหน้าพรรคทุกพรรค ไม่ใช่มาเริ่มพูดคุยสัปดาห์นี้

พิธา

ตั้งเป้า 345 เสียง

ส่วนที่มีรายงานข่าวว่านายพิธาโทรไปเพื่อขอคะแนนเสียงนั้น นายพิธากล่าวว่า ยังไม่เห็นรายละเอียด เป็นแค่การหารือประเด็นการเมือง

เมื่อถามว่า การโหวตนายกฯ ครั้งที่ 2 หากตัวเลขไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญก็จะมีการวางมือให้พรรคอันดับ 2 ส่วนตัวเลขที่มีนัยยะสำคัญจะเป็นตัวเลขที่เท่าไหร่ นายพิธา กล่าวว่า ผมคิดว่าถ้าให้เหมาะสมต้องเพิ่มขึ้นเป็น 10% หรือจากเดิม 324 เสียง เป็น 344-345 เสียง ก็น่าจะเป็นตามลักษณะนี้ ไม่ได้ตั้งใจที่จะกั๊กไว้ว่าเป็นนัยยะสำคัญที่ไม่ได้คิดตัวเลขไว้ในใจ ก็จะเป็นตัวเลขที่ไม่ฝืนสายตาประชาชน

ส่วนการโหวตนายกฯ รอบ 2 คาดว่าจะมีการเสนอชื่อนายกฯแข่ง มีการประเมินเรื่องนี้อย่างไรนั้น นายพิธา กล่าวว่า จากที่ได้ฟังสัมภาษณ์จากพรรคเสียงข้างน้อย ทุกคนพูดว่ารัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายอนุชา นาคาสัย ส.ส.ชัยนาท พรรครวมไทยสร้างชาติ จากที่เห็นในสื่อก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ ส่วนเสียงที่จะได้เพิ่มมาในการโหวตนายกฯ ครั้งที่ 2 จะเป็นทั้งจาก ส.ว. และ ส.ส. ก็ต้องรอดูด้วยกัน ตนก็ยังทำงานในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ได้ทิ้งไปและผมยังสู้อยู่

พิธา

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าจะมีการเสนอชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แข่งนายกฯ สามารถรวมเสียงได้หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ต้องฝากนักข่าวไปถามพล.อ.ประวิตร ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีการเรียกส.ส.ไปพูดคุยเพื่อซื้องูเห่านั้น ทางฝั่งของพรรคก้าวไกลได้ติดตามและคอยเช็กตลอด มั่นใจว่าทุกคนได้รับบทเรียนของการเป็นงูเห่า ยืนยันว่าพรรคก้าวไกลไม่มี และคิดว่าทางพรรคเพื่อไทยก็จะเป็นแบบนั้นเช่นกัน

เมื่อถามถึงการรับมืออย่างไรหากถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินกรณีหุ้นสื่อฯ นายพิธากล่าวว่า ผลจะออกมาอย่างไรก็แล้วแต่ ไม่ได้ทำให้ความเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของผมหายไป เมื่อเทียบกับกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ในขณะนั้น ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลใจแต่อย่างใด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK