Politics

‘เสรี’ ลั่น ‘พิธา’ ขาดคุณสมบัติตั้งแต่วันถูกเสนอชื่อ! ชี้โอนหุ้น ITV ตอนนี้ก็ไม่มีผล!

“เสรี” เผย กมธ. สว.ถกคุณสมบัติ “พิธา” ปมหุ้นไอทีวี ลั่นขาดคุณสมบัติตั้งแต่วันถูกเสนอชื่อในบัญชีพรรคการเมืองแล้ว ชี้โอนหุ้น ITV ตอนนี้ก็ไม่มีผลอะไร!

ที่รัฐสภา นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมกรรมาธิการว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องร้องเรียนการถือครองหุ้นไอทีวีของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โดยที่ประชุมเห็นว่า เรื่องนี้มีหลายคนไปยื่นร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เนื่องจากเป็นประเด็นสำคัญที่จะแสดงให้เห็นนายพิธา มีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปได้หรือไม่

พิธา

กมธ. ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่า เป็นเรื่องเดียวกับที่มีผู้ไปร้องกับ กกต. แล้ว จึงเห็นว่า จะส่งเรื่องแจ้งให้ กกต. และ กมธ. เห็นว่า เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องหาข้อยุติโดยเร็วเกี่ยวกับคุณสมบัติของนายพิธาที่ต้องทำให้ข้อยุติชัดเจน เพื่อแก้ปัญหาอื่นที่จะตามมา และมีผลกระทบอีกจำนวนมาก

นายเสรี กล่าวต่อว่า ทาง กมธ. จะทำหนังสือแจ้งไปยัง กกต. เพื่อให้เร่งรัดในการที่จะตรวจสอบคุณสมบัติของนายพิธา และถ้าเห็นว่าสิ่งที่ได้ร้องเรียนกันนั้นเป็นเรื่องสำคัญและมีมูล ซึ่งทาง กมธ. ก็เห็นแล้วว่ามีมูล มีข้อเท็จจริงและมีหลักฐาน จึงต้องการให้ กกต. เร่งรัดในการเสนอเรื่องดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยชี้ขาด เพื่อความชัดเจนในการที่จะแก้ปัญหาเรื่องเหล่านี้ เพราะอย่างน้อยที่สุดการที่ศาลได้ตัดสินวินิจฉัยชี้ขาดก็จะเป็นที่ยอมรับของคนทั้งประเทศ และของคนหมู่มาก

“หากรอไปจนถึงขั้นตอนของวุฒิสภาลงมติโหวตนายกฯ เกิดวุฒิสภาไม่เห็นชอบหรือไม่เห็นด้วย ไม่ว่าประการใด ก็จะเกิดคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับเรื่องเหล่านี้ ก็จะเกิดความไม่สงบเรียบร้อย ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง จึงขอให้กกต.เร่งรัดรวบรวมหลักฐานส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการต่อไปก่อนที่จะถึงกำหนดวันเลือกนายกฯ” นายเสรี กล่าว

พิธา
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์

ขาดคุณสมบัติตั้งแต่เป็นสมาชิกพรรค

เมื่อถามว่าแสดงว่าที่ประชุม กมธ. เห็นว่า นายพิธาขาดคุณสมบัติแล้วใช่หรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า ถ้าดูตามหลักฐาน ข้อกฎหมาย และข้อบังคับของพรรคก้าวไกล มีมูลที่จะเห็นได้ว่านายพิธา ขาดคุณสมบัติตั้งแต่เป็นสมาชิกพรรค ตั้งแต่สมัครรับเลือกตั้ง และถ้าขาดคุณสมบัติรับเลือกตั้ง ก็มีผลกับการไปรับรองผู้สมัครของพรรคให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เพราะฉะนั้นเรื่องเหล่านี้เป็นข้อมูลหลักฐานที่ปรากฎต่อสาธารณะชนอยู่แล้ว

ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือ กกต. ที่รับผิดชอบในการรับเรื่องร้องเรียนต้องเร่งรัด แก้ปัญหาให้ปรากฏและให้ข้อยุติ และสรุปเนื้อหาทั้งหมดโดยเร็ว หรือจะรับรอง ส.ส. ให้เสร็จโดยเร็ว และรีบส่งเรื่องเหล่านี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญโดยเร็ว เพื่อที่จะหาข้อยุติได้ชัดเจน เพราะถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยโอกาสที่บ้านเมืองจะเรียบร้อยมีสูง เพราะทุกคนยอมรับในกติกาของประเทศว่า เมื่อศาลตัดสินแล้วต้องเคารพในกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม ซึ่งน่าจะเป็นช่องทางที่ดีที่สุด

เมื่อถามว่าแสดงว่าไม่จำเป็นต้องรอให้รับรอง ส.ส. ก่อน สามารถยกกรณีของนายพิธาหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า จริง ๆ ถ้ามองในมุมของข้อกฎหมาย สมาชิกภาพของ ส.ส. นับตั้งแต่วันเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญ เมื่อมีสมาชิกภาพแล้วก็น่าจะส่งศาลรัฐธรรมนูญได้ เพียงแต่ว่าอาจจะมีข้อโต้แย้งว่าปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ เพราะ กกต. ยังไม่รับรอง จึงมีประเด็นว่า กกต. ควรจะรับรองก่อน แล้วส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพื่อที่จะตัดประเด็นปัญหาไประดับหนึ่ง

พิธา
นายเสรี สุวรรณภานนท์

โอนช่วงนี้ก็ไม่มีผล!

เมื่อถามว่าการที่ กมธ. ระบุว่า นายพิธาอาจขาดคุณสมบัติจะมีปัญหาต่อการโหวตเป็นนายกฯ หรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า การเสนอตัวเป็นนายกฯ ก็ถือว่าเป็นคุณสมบัติเดียวกันกับการเป็น ส.ส. เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติเชื่อมโยงกันเป็นทอด ๆ ตั้งแต่การเป็นสมาชิก, สมัครรับเลือกตั้ง ,การเสนอชื่อเป็นนายกฯ เพราะฉะนั้นในรัฐธรรมนูญและในข้อบังคับพรรคก้าวไกล ได้บัญญัติในเรื่องเหล่านี้ไว้แล้ว ซึ่งเป็นไปในทางเดียวกัน

ส่วนที่มีข่าวว่านายพิธา ขายหุ้นไปแล้วจะมีผลหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า ไม่ว่าจะโอนหุ้นด้วยวิธีไหนก็ตามก็ต้องดูว่าเขาโอนช่วงไหน ถ้าโอนช่วงนี้ก็ไม่มีผล เพราะการที่มีคุณสมบัติที่จะเป็นนายกฯ ได้หรือไม่ เริ่มตั้งแต่ตอนที่เสนอชื่อแคนดิเดตในบัญชีพรรคการเมือง

“ฉะนั้นถ้าถือหุ้นตั้งแต่เสนอชื่อในบัญชี และส่งให้ กกต. ถือว่ามีผลในทางกฎหมายแล้วว่าไม่มีคุณสมบัติ เพราะฉะนั้นนายพิธาจะมาขายหรือโอนหุ้นในตอนนี้ ก็ไม่ได้ทำให้ข้อเท็จจริงตรงนั้นเปลี่ยนแปลงไป แต่ถ้านายพิธาโอนหุ้นไปก่อนหน้านี้แล้วมาสมัครรับเลือกตั้ง โดยไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคและไม่ได้ไปรับรองใคร แล้วถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ ในช่วงนี้แล้วไปถอนหุ้นออกก่อนก็ยังมีผลทางข้อกฎหมาย เพราะการเสนอชื่อในบัญชีไม่ได้มีผลตอนที่สภาจะลงมติ แต่มีผลตั้งแต่เสนอชื่อ ดังนั้นหากมาขายหุ้นตอนนี้ก็ไม่มีผลอะไร” นายเสรี กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo