Politics

‘รวมไทยสร้างชาติ’ คิกออฟ 5 นโยบายหาเสียง เตรียมจัดชุดใหญ่ต้นเม.ย.

“รวมไทยสร้างชาติ” ปูพรมหาเสียง “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” นำร่องชู 5 นโยบายโดนใจ แก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน  ทั้งยังเตรียมเปิดนโยบายชุดใหญ่ต้นเดือนเมษายนนี้ มั่นใจทุกนโยบายทำได้แน่นอน

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้า พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยนโยบายหาเสียงภายใต้เคมเปญ “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” ตามยุทธศาสตร์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคว่า นโยบายภายใต้เคมเปญนี้ ถือเป็นความตั้งใจของพรรคที่จะสานต่อโครงการต่าง ๆ ที่รัฐบาลปัจจุบันภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งปรากฏผลชัดเจนว่า ทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และสามารถช่วยให้ประชาชนคลายความเดือดร้อนในช่วงวิกฤติไปได้

รวมไทยสร้างชาติ

พรรครวมไทยสร้างชาติ จะสานงาน “ทำต่อ” ตามยุทธศาสตร์ของ พล.อ.ประยุทธ์ และพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนอีกหลายโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องและความเป็นอยู่ของประชาชนทุกกลุ่มทุกช่วงวัย เพราะความเดือดร้อนของประชาชนไม่สามารถรอได้

ทางพรรคจึงได้นำร่องหาเสียงด้วย 5 นโยบายโดนใจ ที่พร้อมช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ลดภาระหนี้ สร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้ชีวิต และขจัดปัญหาอุปสรรคด้านกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ดังนี้

  1. เพิ่มสิทธิ “บัตรสวัสดิการพลัส” เป็น 1,000 บาทต่อเดือน และ สิทธิเบิกฉุกเฉิน 10,000 บาทต่อคน
  2. ตั้ง “กองทุนฉุกเฉินประชาชน” วงเงิน 30,000 ล้านบาท
  3. คืน 30% เงินสะสมชราภาพ ให้ผู้ประกันตน ตามมาตรา 33
  4. โครงการ “ปลดหนี้ด้วยงาน”
  5. รื้อกฎหมายที่รังแกประชาชน และเป็นอุปสรรคการทำกิน

นโยบายการเพิ่มสิทธิ “บัตรสวัสดิการพลัส” เป็นโครงการ “ทำต่อ” จากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีอยู่แล้ว โดยให้สิทธิเพิ่มเป็น 1,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจัดสรรจากเงินงบประมาณที่รองรับโครงการนี้อยู่แล้ว ขณะเดียวกัน ผู้ถือบัตรยังมีสิทธิกู้ฉุกเฉินในวงเงิน 10,000 บาทต่อคน โดยสามารถนำบัตรนี้ไปเป็นหลักประกันเงินกู้กับธนาคารออมสินซึ่งมีโครงการให้สินเชื่อรายย่อยในวงเงิน 10,000 บาทอยู่แล้ว

รวมไทยสร้างชาติ

ส่วน “กองทุนฉุกเฉินประชาชน” นั้น จะช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านจำนวนมากที่มีความจำเป็นและต้องการเงินฉุกเฉินไปใช้จ่าย โดยวงเงินงบประมาณสำหรับกองทุนนี้ จะมาจากการนำกองทุนที่มีอยู่แล้วประมาณ 30 กว่ากองทุน ซึ่งหลายกองทุนไม่ได้สร้างประโยชน์อะไร มาจัดระบบใหม่ และตั้งเป็นกองทุนฉุกเฉินเพื่อให้ประชาชนกู้ยืมไปใช้ในกิจการ หรือการทำมาหากินที่ประสบปัญหา โดยคาดว่าจะรวบรวมวงเงินได้ประมาณ 30,000 ล้านบาท

หลักเกณฑ์การขอกู้ยืมจากกองทุนฉุกเฉินประชาชน จะผ่อนคลายมากกว่าเงื่อนไขของสถาบันการเงิน เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านระดับล่างที่ไม่สามารถดำเนินการตามกฎเกณฑ์หรือระเบียบของสถาบันการเงิน ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น

ขณะเดียวกัน กลุ่มแรงงานที่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หากประสบปัญหาเดือดร้อนหรือต้องการเงินฉุกเฉิน ก็สามารถเบิกเงินสะสมชราภาพมาใช้ก่อนได้ 30% โดยไม่ต้องรอครบกำหนดอายุ ทำให้คนกลุ่มนี้สามารถมีเงินทุนหมุนเวียนใช้สอยจากเงินสะสมของตัวเอง

นโยบาย “ปลดหนี้ด้วยงาน” ปัจจุบัน มีคนจำนวนมากที่มีหนี้สินและไม่สามารถหาเงินมาใช้หนี้ แต่พวกเขาเหล่านั้นยังมีพลังความสามารถที่จะทำงานได้ ขณะเดียวกันภาครัฐเองก็ต้องการคนที่จะมาดูแลปัญหาหลายเรื่อง เช่น ผู้ป่วยติดเตียง คนสูงอายุ คนด้อยโอกาส หรือกระทั่งการสอนหนังสือเด็กๆ และเมื่อคนที่มีความสามารถเหล่านี้มีปัญหาด้านหนี้สิน ก็สามารถใช้หนี้แทนด้วยการทำงานได้

นโยบายเกี่ยวกับการ “รื้อกฎหมายที่รังแกประชาชนและเป็นอุปสรรคการทำกิน” นั้น พรรครวมไทยสร้างชาติได้ดำเนินการเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยมีการร่างกฎหมายสำคัญหลายฉบับเพื่อแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน เช่น ปัญหากฎหมายเกี่ยวกับที่ดิน ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า ประชาชนจำนวนมากประสบความเดือดร้อนเรื่องที่ดินทำกิน ที่มีสาเหตุจากความไม่ชัดเจนของกฎหมาย ความซ้ำซ้อนของกฎหมายหลายฉบับของแต่ละหน่วยงานที่ถือกฎหมายคนละฉบับ ทำให้ประชาชนถูกดำเนินคดี ด้วยเรื่องที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ และไปอยู่ในแนวเขตอุทยานแห่งชาติ หรือพื้นที่ป่าสงวนต่าง ๆ

รวมไทยสร้างชาติ

ที่ผ่านมารัฐบาลได้อนุมัติผลปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ แบบบูรณาการ หรือที่เรียกว่า “One map” จำนวน 11 จังหวัดในภาคกลาง ไปเมื่อปี 2565 และจะนำมาใช้แก้ปัญหาเรื่องที่ดินทับซ้อน ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้มีสิทธิครอบครอง มีสิทธิทำกินในที่ดินนั้น โดยไม่ต้องกลัวว่าจะโดนฟ้องขับไล่ หรือถูกดำเนินคดีอีกต่อไป และจะได้มีการดำเนินการในพื้นที่อื่น ๆ ต่อไปอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น เราจะปรับแก้กฎหมายนโยบายที่ดินแห่งชาติเพื่อดำเนินการต่อยอดให้ผู้ยากไร้ไม่มีที่ทำกินมีโอกาสมีที่ทำกินมากขึ้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo