Politics

ลุ้นกว่า 500 ผู้สมัครส.ส.เขตจ่อถูกตัดสิทธิ

จากกรณีที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งทั้ง 350 เขต จะต้องตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามผู้สมัคร ส.ส.เขต ที่มียอดการสมัครกว่า 10,000 คน และต้องประกาศรับรองรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.เขตตามที่กฎหมายกำหนดในวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ โดยพบว่าขณะนี้สำนักงาน กกต.ได้แจ้งผลการตรวจสอบการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ไปยังผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้อำนวยการประจำเขตเลือกตั้งใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณารายชื่อให้เป็นผู้สมัคร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรายงานว่าผลการตรวจสอบที่มีการแจ้งไป แยกเป็นผลการตรวจสอบการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขตที่บันทึกเข้าระบบฐานข้อมูลพรรคการเมืองกรณี ไม่พบว่ามีชื่ออยู่ในระบบฐานข้อมูลสมาชิกพรรคการเมือง และไม่เป็นผู้ร่วมจัดตั้งพรรคที่พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.มาตรา 172 ให้สิทธินับการเป็นสมาชิกนับตั้งแต่วันที่ยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรค ลงวันที่ 11 กุมภาพันธ์พบว่ามีผู้สมัครส.ส.เขตที่เข้าข่ายดังกล่าว 253 ราย

กกต.2

ผลการตรวจสอบสมาชิกพรรคของผู้สมัครส.ส.ที่บันทึกเข้าระบบฐานข้อมูลพรรคกรณีพบว่า เป็นสมาชิกพรรคการเมืองเดียวไม่ครบ 90 วันตามรัฐธรรมนูญมาตรา 96(3) ประกอบมาตรา 41( 3) และเป็นสมาชิกพรรคซ้ำซ้อน ลงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พบว่ามีผู้สมัครส.ส.เขตที่เข้าข่ายดังกล่าวรวม 253 ราย

อย่างไรก็ดี มีรายงานว่ากรณีดังกล่าวสร้างความสับสน วุ่นวายให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั่วประเทศ เนื่องจากเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา  สำนักงานกกต. เพิ่งจะได้มีบันทึกข้อความแจ้งเป็นการภายใน ไปยังผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั่วประเทศว่า กรณีไม่ปรากฎชื่อผู้สมัครส.ส.ในระบบฐานข้อมูลสมาชิกพรรคการเมือง เนื่องจากพรรคการเมือง ยังไมได้นำเข้าข้อมูลสมาชิกพรรคการเมืองให้ยึดหลักฐาน การเป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่ผู้สมัครนำมาแสดงคือ สำเนาใบสมัครเป็นสมาชิกพรรค สำเนาหลักฐานการชำระเงินค่าบำรุงพรรค และสำเนาหลักฐานการลาออกจากสมาชิกพรรคการเมืองอื่น เป็นหลักฐานในการพิจารณารับสมัคร

ส่วนกรณีการนับระยะเวลาการเป็นสมาชิกพรรคของผู้สมัคร ที่เป็นผู้ร่วมกันจดแจ้งจัดตั้ง ให้ยึดหลักฐานสำเนาใบคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง และสำเนาหลักฐานการรับทุนประเดิมของผู้ร่วมกันจัดตั้งพรรคการเมือง เป็นหลักฐานในการพิจารณารับสมัคร  ขณะนี้กรุ๊ปไลน์สำนักงานกกต.ที่ใช้สื่อสาร กับผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั่วประเทศ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด พยายามขอความชัดเจนว่า จะให้แจ้งผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขต ยึดข้อมูลของสำนักงานที่แจ้งไป หรือหลักฐานที่ผู้สมัครนำมาแสดง เป็นหลักในการพิจารณาประกาศรับรองรายชื่อผู้สมัคร เพราะตามกฎหมายต้องประกาศรับรองรายชื่อผู้สมัคร ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์แล้ว แต่ยังไม่มีคำตอบจากทางสำนักงานฯ

51092685 390587878424887 7639138491770601472 o

ขณะเดียวกัน ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ยังแสดงความกังวลใจว่า หากยึดข้อมูลตามรายงานผลการตรวจสอบ จะมีผู้สมัคร ส.สเขต ถูกตัดสิทธิ์ไม่ได้รับการประกาศชื่อมากถึง 506 คน รวมถึงผู้สมัครที่จะถูกตัดสิทธิ์ไม่ประกาศรายชื่อจากเหตุผลอื่น หากผู้สมัครเหล่านั้นไปยื่นร้องต่อศาลฎีกา และผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตก็ต้องไปชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา  ถือเป็นภาระหนักพอสมควร

ตามมาตรา 49 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. กำหนดว่ากรณีที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งไม่รับสมัครผู้ใด หรือไม่ประกาศรายชื่อบุคคลใดเป็นผู้สมัครตามมาตรา 46 ให้บุคคลนั้นมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ไม่รับสมัครหรือไม่ประกาศรายชื่อ โดยการพิจารณาและวินิจฉัยของศาลฎีกาให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 3 วัน

ทั้งนี้ตามข้อมูลที่ผู้สมัครส.ส.แบบเเบ่งเขต ที่ถูกตัดสิทธิไม่ได้รับการประกาศชื่อ พบว่ามีทั้งพรรคเก่า พรรคใหม่  ส่วนใหญ่เป็นพรรค ขนาดเล็กที่ตั้งขึ้นใหม่ อาทิ พรรคมหาชน ถูกระบุว่าผู้สมัครแบบแบ่งเขตไม่พบชื่อ ในระบบฐานข้อมูลถึง 133 คน พรรคผึ้งหลวง 40 คน พรรคประชาธรรมไทย 16 คน พรรคประชาธิปัตย์ 1 คน พรรคอนาคตใหม่ 3 คน ที่ไม่พบข้อมูลในระบบ และไม่เป็นผู้ร่วมจัดตั้งพรรค

ขณะที่ผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขตของพรรคเศรษฐกิจใหม่ พบเป็นสมาชิกซ้ำซ้อนกับพรรคการเมืองอื่น 27 คน พรรคเพื่อชาติ 20 คน พรรคประชาชาติ 18 คน พรรคเสรีรวมไทย 6 คน พรรคชาติพัฒนา 3 คน พรรคภูมิใจไทย 2 คน ส่วนพรรคผู้สมัครพรรคครูไทยสังกัดการเมืองไม่ครบ 90 วัน มี 18 คน พรรครวมพลังประชาชาติไทย 7 คน ที่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง ไม่ครบ 90 วันและไม่เป็นผู้ร่วมจัดตั้ง พรรคการเมือง เป็นต้น

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight