General

เปิดผลสำรวจทั่วโลก ยกปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง รุนแรงหนักเท่าวิกฤติเศรษฐกิจ

เอปสัน เผยผลสำรวจ Climate Reality Barometer พบผู้คนทั่วโลก กังวลต่อผลกระทบของปัญหาสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง เทียบเท่ากับวิกฤตเศรษฐกิจ 

เอปสัน ได้ทำการสำรวจ Climate Reality Barometer เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน เพื่อศึกษาถึงระดับการตื่นตัวของผู้คนต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ จากกลุ่มตัวอย่าง 26,205 คนใน 28 ตลาดทุกภูมิภาคทั่วโลกที่เอปสันได้เข้าไปทำธุรกิจ

ปัญหาสภาพภูมิอากาศ

ประกอบด้วย ออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา ชิลี จีน อียิปต์ ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย อินโดนีเซีย อิตาลี ญี่ปุ่น เคนยา มาเลเซีย เม็กซิโก โมร็อกโก ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ซาอุดีอาระเบีย แอฟริกาใต้ เกาหลีใต้ สเปน ไต้หวัน ไทย ตุรกี สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม

นายยาซึโนริ โอกาว่า ประธาน บริษัท ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า การจัดทำการสำรวจ Climate Reality Barometer นี้ขึ้น เพื่อช่วยยกระดับความตื่นตัวและสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อปัญหาที่เกิดขึ้นจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป

สำหรับผลสำรวจในปีนี้ ชี้ให้เห็นชัดว่า ทั่วโลกตื่นตัวมากขึ้นกับปัญหาสภาพภูมิอากาศที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป แต่ในขณะเดียวกันก็ถูกวิกฤติเศรษฐกิจเบี่ยงเบนความสนใจของผู้คน ออกจากความพยายามจัดการกับปัญหาด้านสภาพอากาศไปไม่น้อยเช่นกัน

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่น่าจับตามองคือ ยังมีผู้คนอีกจำนวนมากที่มองในแง่ดีว่า ปัญหาดังกล่าวสามารถถูกแก้ไขได้ในช่วงชีวิตของคนรุ่นปัจจุบัน แม้ว่าจะมีภัยพิบัติมากมายเกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ผลสำรวจระบุว่าการ ผู้คนยังคงให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจและการเงินแบบเร่งด่วนเป็นอันดับแรกที่ 22% ถัดมาคือราคาสินค้าที่แพงขึ้นที่ 21%

ยาซึโนริ โอกาว่า Epson 2
ยาซึโนริ โอกาว่า

ส่วนปัญหาสภาพภูมิอากาศที่กำลังเปลี่ยนแปลงอยู่อันดับที่ 3 ที่ 20% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และค่าพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น วิกฤติสภาพอากาศก็ยังคงเป็นเรื่องที่คนทั่วโลกให้ความสำคัญในลำดับต้น ๆ

ขณะเดียวกัน กลุ่มตัวอย่าง 48% ยังมองในแง่ดีว่าปัญหาจากสภาพอากาศสามารถป้องกันได้ในช่วงชีวิตของคนปัจจุบัน เพิ่มขึ้นจาก 46% ในการสำรวจเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งทำขึ้นในช่วงก่อน COP 26

ขณะที่สมาชิกในกลุ่มประเทศ G7 มีมุมมองต่อการแก้ไขปัญหาจากสภาพภูมิอากาศไปในทางบวก ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่อยู่ที่ 48% ดังนี้ แคนาดา 36.6%; ฝรั่งเศส 22.5%; เยอรมนี 23.8%; อิตาลี 25.2%; ญี่ปุ่น 10.4%; สหราชอาณาจักร 28.4% และสหรัฐอเมริกา 39.4%

ในขณะที่กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วจะมองในแง่ดีต่อปัญหาดังกล่าวมากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ จีน 76.2%; อินเดีย 78.3%; อินโดนีเซีย 62.6%; เคนยา 76%; เม็กซิโก 66% และฟิลิปปินส์ 71.9%

ผลการสำรวจยังชี้ให้เห็นว่า อายุมีผลต่อมุมมองต่อปัญหานี้ โดยกลุ่มคนที่มีความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุด และมองว่าเป็นปัญหาระดับโลกที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุด เป็นกลุ่มช่วงอายุมากที่สุด หรือ 55 ปีขึ้นไป ที่ 22% และน้อยที่สุด 16 – 24 ปี ที่ 19.3% ตามลำดับ

Epson Survey

ด้านช่องทางหรือปัจจัยที่ทำให้ผู้คนตระหนักถึงปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ พบว่า 80.2% สัมผัสถึงปัญหาดังกล่าวได้โดยตรงจากการใช้ชีวิตประจำวัน, 75.7% รับทราบข้อมูลจากกิจกรรมหรือแคมเปญของรัฐบาล, 75% จากข่าวทางสื่อออนไลน์และออฟไลน์, 74.2% จากโซเชียลมีเดีย, 64.8% จากแคมเปญของบริษัทเอกชนหรือตามชุมชนต่างๆ และ 64% จากรายงานของการประชุม COP

สำหรับพฤติกรรมส่วนบุคคลที่ตอบสนองต่อปัญหาสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง การสำรวจในปีนี้พบว่าผู้คนได้ปรับไลฟ์สไตล์ของตนเองให้สอดคล้องกับวิถีความยั่งยืนเพิ่มมากขึ้นกว่าปี 2564 ได้แก่

  • เดินหรือปั่นจักรยานมากขึ้น จาก 83.7% เป็น 87.2% และ 31.8% ที่ได้ทำติดต่อกันมาตลอดทั้งปี
  • การเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น จาก 78.2% เป็น 82.4% และ 18.6% ทำมานานกว่า 1 ปี
  • ลดการเดินทางเพื่อธุรกิจและการพักผ่อนต่างประเทศมากขึ้น จาก 65.1% เป็น 68.2% และ 23% ทำมานานกว่า 1 ปี
  • เปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จาก 68% เป็น 72.7% และ 10.6% ทำเช่นนี้มานานกว่า 1 ปี
  • รับประทานอาหารจากพืชเพิ่มขึ้น จาก 67.6% เป็น 68.9% และ 16.5% ทำติดต่อกันมานานกว่า 1 ปี

เอปสันเชื่อว่า พวกเราทุกคนมีส่วนรับผิดชอบต่อคนรุ่นหลัง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล องค์กรธุรกิจ หรือชุมชนต่าง ๆ  ต้องร่วมกันทำให้โลกนี้ดีขึ้น หลังจากความเสียหายมาหลายทศวรรษ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo