ปภ. พร้อมรับมือพายุปาบึก ระดมกำลังเจ้าหน้าที่-เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยประจำพื้นที่เสี่ยง 10 จังหวัด 43 อำเภอ ดูแลความปลอดภัยประชาชน-ลดผลกระทบสถานการณ์ภัย
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าพายุโซนร้อน “ปาบึก” มีแนวโน้มเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราชช่วงค่ำของวันนี้ (4 ม.ค.) ทำให้ฝนตกเป็นวงกว้าง และฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ รวมถึงอ่าวไทยมีคลื่นสูง 3-5 เมตร ทะเลอันดามันคลื่นสูง 2-3 เมตร
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้เน้นย้ำจังหวัดใช้กลไกกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดบูรณาการการปฏิบัติงานกับศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทุกเหล่าทัพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นประเมินความเสี่ยงภัยและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยอย่างรอบด้าน เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
พร้อมทั้งจัดตั้งศูนย์ประชาสัมพันธ์ระดับพื้นที่ให้ข้อมูลข่าวสาร เพื่อสร้างการรับรู้แก่ประชาชน โดยเฉพาะแนวโน้มสถานการณ์ภัย แนวทางการบริหารจัดการน้ำของภาครัฐ วิธีปฏิบัติตนอย่างปลอดภัย ช่องทางการติดต่อขอรับความช่วยเหลือจากหน่วยงานราชการและเครือข่าย อีกทั้งให้จังหวัดประกาศห้ามการเดินเรือและประกอบกิจกรรมทางทะเลพร้อมจัดเตรียมเรือ สำหรับการช่วยเหลือประชาชนและนักท่องเที่ยว
ตลอดจนให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำป่าไหลลากและดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ และที่ลาดเชิงเขาบริเวณ จังหวัดชุมพร 4 อำเภอคือ สวี หลังสวน ละแม และพะโต๊ะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี 5 อำเภอ คือ เกาะสมุย เวียงสระ บ้านนาสาร กาญจนดิษฐ์ และดอนสัก จังหวัดนครศรีธรรมราช 7 อำเภอ คือ สิชล ขนอม พิปูน ลานสกา นบพิตำ ร่อนพิบูลย์ และทุ่งสง
จังหวัดพัทลุง 4 อำเภอ คือ ศรีนครินทร์ กงหรา ศรีบรรพต และตะโหมด, จังหวัดสงขลา 3 อำเภอ คือ รัตภูมิ สะบ้าย้อย และนาทวี, จังหวัดตรัง 4 อำเภอ คือ ปะเหลียน ห้วยยอด นาโยง และย่านตาขาว, จังหวัดสตูล 4 อำเภอ คือ ทุ่งหว้า มะนัง ควนโดน และควนกาหลง, จังหวัดยะลา 4 อำเภอคือ เบตง ธารโต บันนังสตา และกาบัง จังหวัดปัตตานี 4 อำเภอ คือ โคกโพธิ์ มายอ ปานาเระ และทุ่งยางแดง, จังหวัดนราธิวาส 4 อำเภอ คือ รือเสาะ ศรีสาคร จะแนะ และสุคิริน รวม 10 จังหวัด 43 อำเภอ
พร้อมจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็ว และวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลให้พร้อมสนับสนุนการปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยรวมถึงจัดเตรียมสถานที่ปลอดภัย รองรับการอพยพประชาชน ท้ายนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทาง สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
