เนื้อจระเข้เป็นแหล่งโปรตีนทางเลือก มีคุณค่าทางอาหารใกล้เคียงเนื้อสัตว์ประเภทอื่น ให้พลังงานต่ำ ไขมันน้อย แนะทำความสะอาดเนื้อให้ถูกวิธี เน้นปรุงสุกก่อนกิน เลี่ยงการปนเปื้อนของแบคทีเรียได้
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในช่วงที่เนื้อหมูราคาเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มหันมาให้ความสนใจบริโภคเนื้อจระเข้ เพื่อเป็นแหล่งโปรตีนทางเลือกมากขึ้น ซึ่งเนื้อจระเข้ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการเพาะเลี้ยงจระเข้ทำได้โดยไม่ต้องสัมผัสกับสารเคมีอันตราย
แต่เนื่องจากจระเข้จัดอยู่ในประเภทสัตว์เลื้อยคลาน อาจมีแบคทีเรียปนเปื้อน เช่น เชื้อซัลโมเนลลา ทำให้เกิดโรค เช่น ไทฟอยด์ ท้องร่วง และความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร จึงควรล้างมือ และอุปกรณ์ทุกครั้งก่อนแปรรูปเนื้อสัตว์ เพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนของแบคทีเรีย และปรุงสุกในทุกเมนู งดการกินสุก ๆ ดิบ ๆ
การเลือกซื้อเนื้อจระเข้ที่มีขายตามท้องตลาด ควรเลือกเนื้อจากส่วนหาง (บ้องต้น) ถือเป็นส่วนที่ดีที่สุด เนื้อสด ไม่มีกลิ่นเหม็น เลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ควรเก็บในช่องแช่แข็งหรือตู้เย็น รักษาอุณหภูมิตั้งแต่ 5 ถึง 0 องศาเซลเซียส เก็บได้นาน 24 ชั่วโมง แต่ถ้าจัดเก็บที่อุณหภูมิ -4 ถึง 0 องศาเซลเซียส จะสามารถเก็บได้นานเพิ่มขึ้น หากต้องการเก็บไว้นานกว่านั้นควรช่องแช่แข็งอุณหภูมิตั้งแต่ -12 ถึง -8 องศาเซลเซียส เก็บรักษาได้ 2-4 เดือน ถ้าแช่แข็งตั้งแต่ -24 ถึง -18 องศาเซลเซียส เก็บรักษาได้ 10-12 เดือน
การแช่แข็งผลิตภัณฑ์อย่างถูกต้อง เนื้อสดจะต้องถูกตัดเป็นส่วน ๆ ห่อด้วยกระดาษฟอยล์ฟิล์มยืดหรือกระดาษพาร์ชเมนท์ เนื้อห่อใส่ถุงแล้วนำไปแช่ตู้เย็น ไม่ควรล้างเนื้อสัตว์ก่อนนำไปแช่แข็งเพราะจะทำให้อายุการเก็บสั้นลง แต่หากต้องการยืดระยะเวลาออกไปหลายวัน ให้ห่อด้วยกระดาษพาร์ชเมนท์เคลือบด้วยน้ำมันพืช และเมื่อต้องการละลายเนื้อสัตว์นั้น ควรใช้วิธีธรรมชาติเพื่อคงสารอาหารไว้ หลีกเลี่ยงการละลายเนื้อในน้ำเดือดร้อน
ทางด้าน ดร.แพทย์หญิงสายพิณ โชติวิเชียร ผู้อำนวยการสำนักโภชนาการ เสริมว่า เนื้อจระเข้มีพลังงานต่ำ ไขมันน้อย สามารถนำมาปรุงได้หลากหลายวิธี ตั้งแต่การต้ม เคี่ยวในน้ำซุป ไปจนถึงปิ้ง ย่าง ทอด และผัด การเลือกบริโภคเนื้อสัตว์เพื่อเป็นแหล่งโปรตีนผู้บริโภคควรเลือกบริโภคให้เหมาะกับตัวเอง เพราะเนื้อจระเข้กับสัตว์ประเภทอื่นนั้น มีคุณค่าทางโภชนาการ และราคาไม่แตกต่างกันมากนัก
เนื้อจระเข้ 100 กรัม มีพลังงาน 99 กิโลแคลอรี โปรตีน 21.5 กรัม ไขมัน 2.9 กรัม และโคเลสเตอรอล 65 มิลลิกรัม ขณะที่เนื้อสัตว์ประเภทอื่น ๆ ในปริมาณ 100 กรัม พบว่า เนื้อหมู มีพลังงาน 107 กิโลแคลอรี โปรตีน 22.0 กรัม ไขมัน 2.0 กรัม และโคเลสเตอรอล 55 มิลลิกรัม , เนื้อไก่ มีพลังงาน 145 กิโลแคลอรี โปรตีน 22.2 กรัม ไขมัน 6.2 กรัม และโคเลสเตอรอล 62 มิลลิกรัม , เนื้อวัว มีพลังงาน 121 กิโลแคลอรี โปรตีน 21.2 กรัม ไขมัน 4.0 กรัม และโคเลสเตอรอล 51 มิลลิกรัม
ดังนั้น ช่วงที่เนื้อหมูมีราคาแพง ผู้บริโภคอาจเลือกบริโภคอาหารที่เป็นแหล่งโปรตีนชนิดอื่น เช่น ปลา ไข่ ถั่วเมล็ดแห้งต่าง ๆ สับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน และเพิ่มการบริโภคผัก ผลไม้หลากสี ดื่มนมเหมาะสมตามวัย เพื่อให้ได้รับอาหารครบหมู่
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ราชกิจจาฯ ประกาศจำนวนราษฎรในประเทศล่าสุด 66,171,439 คน กทม.มากสุด
- ขึ้นเขาคิชฌกูฏ New Normal ต้องจองคิวผ่านแอป QueQ เปิดทุกขั้นตอนที่นี่
- ยังไม่มีหลักฐาน ‘เด็ก – วัยรุ่น’ ต้องฉีดวัคซีน ‘เข็มสาม’ กระตุ้นภูมิ