พ.ร.บ.โลกร้อน “วราวุธ” ดัน ประกาศใช้ใน 2 ปี เร่งชงร่าง พ.ร.บ. เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ภายในปลายปีนี้ หวังคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ของภาคเอกชน
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โพสต์เพจเฟซบุ๊ก “TOP Varawut – ท็อป วราวุธ ศิลปอาชา” ประกาศผลักดัน พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ พ.ร.บ.โลกร้อน ให้สามารถใช้ได้ภายใน 2 ปี เพื่อลดปัญหาโลกร้อน ที่มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม โดยระบุว่า
อุณหภูมิเฉลี่ยรายปีไทย เพิ่มขึ้น 1.5 องศา จากศตวรรษที่แล้ว กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เตรียมผลักดัน พ.ร.บ.โลกร้อน ภายใน 2 ปี ควบคุมภาคเอกชน ส่งข้อมูลรายงาน การปล่อย ก๊าซเรือนกระจก
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นวาระร่วมของประชาคมโลก และ ถือเป็นเรื่องที่พวกเราทุกคน ต้องช่วยกันครับ
ประเทศไทย ได้ให้สัตยาบัน เข้าร่วมข้อตกลงปารีส เมื่อปี 2016 มีเป้าหมายสำคัญ มุ่งเน้นที่ การควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก ไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส จากระดับอุณหภูมิ ช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรม
โดยตั้งเป้าที่ การลดปริมาณ การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ให้ได้ 11-20% ในภาคพลังงานและขนส่ง และจะขยับขึ้นเป็น 20% ทุกภาคส่วนในปี 2030 ซึ่งเราสามารถผลักดันอัตราการลดปริมาณ Co2 ได้ถึง 25% หากมีการสนับสนุนทางเทคโนโลยีที่ดีพอ
แต่ถึงแม้ส่วนราชการ จะมีเป้าหมายที่ชัดเจน แต่ในด้านการดำเนินงาน ยังมีข้อติดขัดหลายอย่าง เช่น ไม่มีกลไกการตรวจวัด และ จัดเก็บข้อมูล การปล่อย ก๊าซเรือนกระจก ได้ครบถ้วน ทำให้ปัจจุบัน ข้อมูลนั้น กระจัดกระจายอยู่ตามหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง และยังมีข้อมูลบางส่วน ที่ไม่เคยถูกสำรวจ และจัดเก็บเลย
ดังนั้น ร่างพระราชบัญญัติ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่กำลังจัดทำโดย สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) จึงจะมาช่วยเป็นกลไก ให้อำนาจหน่วยงานรัฐ เก็บข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคเอกชนครับ
จุดประสงค์ของ พ.ร.บ.ฉบับนี้ คือ การร่วมมือกับเอกชน ผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะรายเล็ก หรือใหญ่ จะมีหน้าที่เก็บข้อมูลกิจกรรมการปล่อย การกักเก็บ และ การลดก๊าซเรือนกระจกต่าง ๆ ในกิจการของตน เช่น วางมิเตอร์ การใช้พลังงานไฟฟ้าในโรงงาน และ จัดทำรายงาน ให้หน่วยงานรัฐในกำกับ เพื่อที่หน่วยงานนั้น จะส่งต่อข้อมูลให้ สผ. คำนวณออกมาเป็นข้อมูล การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในภาคส่วนต่าง ๆ
สำหรับ ร่างพ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แบ่งเป็น 8 หมวด 56 มาตรา เมื่อ พ.ร.บ. ออกบังคับใช้แล้ว จะมีการออกแผนแม่บท กับแผนปฏิบัติต่าง ๆ ตามมา คาดว่าจะดำเนินการเสนอ ร่างพ.ร.บ.ฯ ให้คณะรัฐมนตรีได้ภายในปลายปีนี้ครับ
การออก พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ฉบับนี้ จะช่วยขับเคลื่อนการดำเนินงาน ของประเทศไทย ทั้งในด้านการดูแล ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม และ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เพราะว่า การค้าขายกับต่างประเทศจะถูกบังคับด้วย กรอบด้านสิ่งแวดล้อม มากยิ่งขึ้น
ต่อไปผู้บริโภคเอง ก็จะสามารถตัดสินใจ เลือกอุดหนุนผลิตภัณฑ์ ที่มีการปล่อยคาร์บอนต่ำได้ และสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จะกลายมาเป็นเทรนด์การตลาด ที่ผู้ประกอบการ จะต้องแข่งขันกัน ทำขั้นตอนการผลิตของตัวเอง ให้เป็นมิตรกับชั้นบรรยากาศ และ สิ่งแวดล้อมมากที่สุด เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ที่มีความตื่นตัว ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้นทุกวัน
จากนี้ไป การพัฒนาเศรษฐกิจของไทย จะต้องเดินหน้าไป พร้อมกับการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม จะแยกจากกันไม่ได้เด็ดขาดครับ
ที่มาข้อมูลและภาพ : TOP Varawut – ท็อป วราวุธ ศิลปอาชา
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘บิ๊กป้อม’ รณรงค์ลดโลกร้อน ตั้งภาคีขับเคลื่อนต่อเนื่อง
- ‘เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง’ ดันลงทุนยั่งยืน คาดเม็ดเงิน ‘ลดโลกร้อน’ พุ่ง 5.5 ล้านล้านดอลล์
- ‘นักสิ่งแวดล้อม’ แนะ ‘ปลูกป่าชายเลน’ ลดโลกร้อนได้ดีที่สุด!