General

‘นักศึกษาไทย’ เล่าประสบการณ์วันเดินทางหนี ‘ไวรัสอู่ฮั่น’

“นักศึกษาไทย” เล่าประสบการณ์วันเดินทางออกจาก “เมืองอู่ฮั่น” เปิดกฎเหล็กสำคัญหากพบจะถูกห้ามออกนอกประเทศ

ณัฐวุฒิ เอี่ยมเนตร นักศึกษาไทยในเมืองอูฮั่น ประเทศจีน โพสต์ข้อความหลังเดินทางกลับประเทศไทย และอยู่ระหว่างเฝ้าดูอาการที่สัตหีบว่า Day 0 – 1 วันก่อนเดินทางสู่ประเทศไทย โพสนี้เป็นรายงานสถานการณ์ตามมุมมองของผมเอง

ณัฐวุฒิ52631

ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 เราได้รับการแจ้งเตือนในกลุ่มเกี่ยวกับการเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 โดยมีการแจ้งเตือนในเรื่องการเดินทางและนัดพบอย่างละเอียด กล่าวโดยคร่าวๆคือ ทุกคนจะต้องเดินทางไปพบกันที่สนามบินเทียนเหอในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 09.30 น. และสัมภาระที่ติดตัวไปได้ไม่เกินคนละ 7 กิโลกรัม เพราะจะไม่มีการโหลดไว้ใต้เครื่อง เรื่องการเดินทางไปสนามบินนั้น แต่ละคนจะมีวิธีการเดินทางที่แตกต่างกันไป บางคนมีญาติไปส่ง บางคนเช่ารถไปเอง และบางคนอาสาไปรับคนอื่นๆที่อยู่ในเส้นทางเดียวกัน ส่วนผมนั้นมหาวิทยาลัยมีรถไปส่งที่สนามบินจึงไม่มีปัญหาการเดินทาง

แต่เนื่องจากปัจจุบันการเดินทางเข้าเมืองอู่ฮั่นนั้นยากมากเนื่องจากเมืองถูกปิดและมีการตั้งด่านเพื่อไม่ให้ผ่านทาง ดังนั้นรถที่จะผ่านที่ระบุเลขทะเบียน ชื่อผู้ขับ ซึ่งแน่นอนเป็นปัญหาใหญ่มากสำหรับคนที่ต้องเดินทางจากเมืองอื่นในมณฑลหูเป่ยเพื่อไปสนามบินที่อยู่ในเมืองอู่ฮั่น เพราะการผ่านด่านนั้นต้องมีเอกสารรับรองจากมณฑลหูเป่ย (มณฑลหูเป่ยใหญ่พอๆหรือใหญ่กว่ากับภาคอีสานของไทย ผมประมาณคร่าวๆตามความรู้สึกผมนะ) แต่ปัญหาในด้านเอกสารและการผ่านทางเจ้าหน้าที่จากสถานฑูตได้ช่วยกันแก้ไขจนราบรื่นไปด้วยดี ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่จากสถานฑูตอีกครั้ง

กลับมาที่สถานการณ์ในช่วงหัวค่ำของวันที่ 3 หลายคนก็แจ้งปัญหาและอุปสรรค์เข้ามาในกลุ่ม เช่น เจ้าหน้าที่ไม่ให้ผ่านทางบ้าง ทางหมอกลงจัดบ้าง ยังหารถไม่ได้บ้าง ต่างคนต่างช่วยกันหาทางออก และก็ผ่านอุปสรรค์กันไปได้ด้วยดี ซึ่งมีสิ่งหนึ่งที่พบเห็นคือ มีกลุ่ม survivor กลุ่มแรกได้ถึงสนามบินแล้วในเวลา 19.30 น. ความไวเป็นของปีศาจจริงๆ 555 ส่วนผมเข้านอนเพื่อเอาแรงตอน 5 ทุ่มและตั้งปลุกในเวลาตี 5 เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาสุขภาพในเวลาเดินทาง

*มีกฎ 1 ข้อจากทางการจีนคือถ้าอุณภูมิร่างกายเกิน 37.5 องศาจะถูกปฏิเสธการออกนอกประเทศจีน ต้องถูกกักกันในประเทศจีน 14 วันแทน

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK