ยืนยันด้วยเกียรติ! “พล.ต.อ.อัศวิน” ลั่นโครงการเตาเผาขยะ 1.3 หมื่นล้านไม่มีการล็อกสเปก ชี้ 2 รองผู้ว่าฯลาออกไม่เกี่ยวกับตน
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงถึงกรณีกระแสข่าวที่มีการระบุว่า นายจักกพันธุ์ ผิวงาม และทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ รองผู้ว่าฯกทม.ลาออก เพราะมีสาเหตุเกี่ยวกับโครงการเตาเผาขยะมูลค่ากว่า 13,000 ล้านบาทว่า โครงการเตาเผาขยะมูลค่า 13,000 ล้านนั้น ต้องแยกประเด็น เพราะเป็นโครงการ 20 ปี แบ่งเป็น 2 เตา ตกเตาละ 6,000 ล้าน คิดแล้วจะได้ตัวเลขในการจัดการขยะต่อวัน ใช้วงเงินประมาณ 8 แสนกว่าบาท โครงการดังกล่าวมีมาก่อนแล้วตั้งแต่ปี 2556 เปิดเดินเครื่องได้ปี 2559 เฉลี่ยเดินเครื่องได้ 970 บาท/ตัน อย่างไรก็ตามใครที่ประมูลได้จะต้องลงทุน 3,000 ล้านบาท และ 20 ปี จะตกเป็นของกรุงเทพมหานคร ซึ่งอัตราใหม่ที่จะเปิดใช้ในปี 2564 จะไม่ถึง 900 บาท/ตัน ด้วยซ้ำ
สำหรับโครงการเตาเผาขยะดังกล่าว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนพิจารณา โดยมีผู้ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดตามทีโออาร์ เตาเผาขยะที่อ่อนนุช 8 ราย ที่หนองแขม 5 ราย ยังไม่ชี้ว่าใครจะได้ ยืนยันไม่มีการล็อกสเปกให้เอกชนรายใด ตามที่มีการไปร้องหน่วยงานตรวจสอบ ทั้ง ป.ป.ช. , สตง. , ศาลปกครอง ได้เข้ามาตรวจสอบแล้ว ตนยืนยันด้วยเกียรติไม่มีปัญหาทุกขั้นตอนชี้แจงได้ ทั้งนี้ หากได้คู่สัญญาโครงการเตาเผาขยะทั้ง 2 ที่ ในเดือนสิงหาคม กรุงเทพมหานครจะส่งให้อัยการสูงสุดดูรายละเอียด ความถูกต้องของสัญญา จากนั้นประมาณเดือนตุลาคม 2562 น่าจะเซ็นสัญญาและเริ่มก่อสร้างได้
ส่วนที่นายจักกพันธุ์ลาออกนั้น ตนเสียดายมาก ส่วนตัวสนิทกันมาตั้งแต่นายจักกพันธุ์ เป็นข้าราชการจนเกษียณ ได้ขอให้มาทำงานด้วยกันเป็นรองผู้ว่าฯ กทม.เป็นคนตรงทำงานจริงจัง ใช้งานได้อย่างวางใจ ที่ผ่านมาช่วงธันวาคม 2561 ได้มาขอลาออกเพราะทำงานหนักทุกวันอยากพัก ตนขอให้อยู่ช่วยกัน ได้ปรับงานที่รับผิดชอบออกไปให้เบาลง แต่กุมภาพันธ์ 2562 มาขอลาออกอีกครั้ง แต่ก็ขอให้อยู่ก่อน จนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมายื่นหนังสือลาออกและไปเลยโดยไม่มีการพูดคุยกัน ยืนยันว่าไม่ใช่สาเหตุเรื่องต้องเซ็นโครงการเตาเผาขยะตามที่เป็นข่าว
ส่วนที่เลือก พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.และนายศักดิ์ชัย บุญมา ผู้อำนวยการสำนักการโยธา เป็นรองผู้ว่าฯ แทนที่ลาออกนั้น ตนดูจากการทำงานมีความเหมาะสมที่จะมาทำงานได้ ทั้งนี้ ที่รองฯ ทวีศักดิ์ ลาออก ไม่ได้ระบุถึงสาเหตุ แต่ได้มีการโทรหาพูดคุยกันก่อนว่าขอลาออก ซึ่งตนอาจจะปรับให้มาเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.เหมือน พล.ต.อ.ชินทัต มีศุข ที่ปรับจากรองผู้ว่าฯ มาเป็นที่ปรึกษาก็ได้ และการปรับทีมคณะผู้บริหารครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะทำงานไปจนกว่าจะมีประกาศการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ พล.ต.อ.อัศวิน ยืนยันไม่มีปัญหาความขัดแย้งในทีมคณะผู้บริหาร หรือข้าราชการ และเผยถึงวาระการดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครว่า ตนจะอยู่จนหมดวาระ และเป็นไปได้ที่จะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
