General

ปรับแก้ ‘พ.ร.บ.อุ้มบุญ’ ให้คู่รักต่างชาติ ใช้หญิงไทยท้องแทนได้

สธ. ปรับแก้ “พ.ร.บ.อุ้มบุญ” ให้คู่รักต่างชาติ ใช้หญิงไทยท้องแทนได้ พร้อมขยายเพดานอายุหญิงเกิน 55 ใช้บริการอุ้มบุญได้

นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดแถลงข่าว “สบส. ส่งเสริมการมีบุตร ทางเลือกสำหรับผู้มีบุตรยากเพื่อเข้ารับบริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์”

โยสถานการณ์การเกิดของประเทศไทยในปัจจุบันลดลงอย่างมาก ปี 2566 มีการเกิดใหม่ไม่ถึง 500,000 คน และมีแนวโน้มลดลงในปี 2567 ด้วย ในขณะที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่าปีละ 800,000 คน คนจึงทำให้ประชากรของประเทศลดลง และสังคมผู้สูงอายุจะสูงมากกว่า 20%

พ.ร.บ.อุ้มบุญ

ส่งเสริมผู้มีบุตรยากให้เข้าถึงบริการและมีบุตรได้มากขึ้น

รัฐบาลจึงได้วางกลยุทธ์ที่จะทำให้ผู้มีบุตรยากสามารถเข้าถึงบริการและสามารถมีบุตรได้มากขึ้น ซึ่งอยู่ในระหว่างการผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ แต่ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขนั้นได้ประกาศเป็นนโยบายหลักของกระทรวงฯ แล้ว โดยมีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 (พ.ร.บ.อุ้มบุญ) ซึ่งเปิดโอกาสให้คู่สมรสที่มีบุตรยากมีบุตรได้ตามต้องการมากขึ้น

นพ.สุระ กล่าวว่า ปัจจุบันมีสถานบริการที่ให้บริการผสมเทียม เด็กหลอดแก้วและการอุ้มบุญ รวม 115 แห่งแบ่งเป็นโรงพยาบาล (รพ.) ของรัฐ 17 แห่ง รพ.เอกชน 31 แห่งและคลินิกเอกชน 67 แห่ง โดยให้บริการดังนี้

คู่สมรสที่ยังสามารถมีบุตรได้ จะใช้วิธีการฉีดน้ำเชื้ออสุจิของสามี เข้าไปในโพรงมดลูกของภรรยา เรึยกว่าการผสมเทียม ซึ่งมีการให้บริการประมาณปีละ 12,000 รอบการรักษา และ การผสมเด็กหลอดแก้ว ซึ่งมีการให้บริการประมาณปีละ 20,000 รอบการรักษา

คู่สมรสที่ตั้งครรภ์เองไม่ได้ เรียกสั้น ๆ ว่า อุ้มบุญ ซึ่งที่ผ่านมามีการให้อนุญาตแล้ว 754 ราย และไม่ได้รับอนุญาตอีก 22 ราย เนื่องจากการอุ้มบุญจะต้องดูความพร้อมจากหลายด้าน

อย่างไรก็ตาม ผลสำเร็จของการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทั้ง 3 วิธี อยู่ที่ประมาณ 50% แต่การอุ้มบุญนั้นจะมีค่าใช้จ่ายที่สูง ส่วนใหญ่ประชาชนก็จะเลือกใช้วิธีผสมเทียม เด็กหลอดแก้ว โดยนโยบายส่งเสริมการมีบุตร ได้ตั้งเป้าหมายว่าจะมีผู้เข้ามารับบริการในแต่ละวิธีไม่น้อยกว่าปีละ 100 ราย

พ.ร.บ.อุ้มบุญ

ขยายเพดานอายุผุ้หญิงใช้บริการอุ้มบุญ

ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีสบส. กล่าวว่า จากการที่ประเทศไทยมีเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์อัตราความสำเร็จในการใช้เทคโนโลยีในปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก ปี 2566 ประมาณ 2.5% คือเพิ่มขึ้นจาก 46% เป็น 48% นั่นหมายความว่าประเทศไทยมีการยกระดับการให้บริการเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์เพิ่มขึ้นเป็นที่น่าพอใจ

ดังนั้น ในปี 2567 สบส. จะมีการปรับแก้กฎหมาย ได้แก่

  1. การรับบริจาคไข่ โดยสามารถให้ญาติสืบสายโลหิตของภรรยาอายุตั้งแต่ 20 -40 ปีบริจาคไข่ได้โดยไม่ต้องผ่านการสมรสเป็นผู้บริจาคไข่
  2. ให้ภริยาที่มีอายุ 35 ปี สามารถทำการตรวจโรคทางพันธุกรรมของตัวอ่อนได้ เพื่อทำให้ตัวอ่อนเกิดอย่างมีสุขภาพที่ดี
  3. การปรับแก้เพดานอายุหญิงที่เป็นภรรยาที่ประสงค์ให้มีการตั้งครรภ์แทนโดยหญิงอื่น หรือการให้หญิงอื่นอุ้มท้องแทน จากเดิมหญิงอายุเกิน 55 ปี ไม่สามารถให้หญิงอื่นอุ้มบุญแทนได้ ตอนนี้มีการปลดล็อคให้อายุมากกว่า 55 ปี สามารถดำเนินการได้
  4. เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของหญิงตั้งครรภ์แทน จึงมีการยกระดับการประกันคุ้มครองสุขภาพหญิงตั้งครรภ์แทน ซึ่งตอนนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และ สมาคมประกันภัย กำลังหารือเรื่องกรมธรรม์กันอยู่ ซึ่งเร็วๆ นี้คาดว่าจะข่าวดีสำหรับการทำประกันของหญิงตั้งครรภ์แทน

การปรับเพดานอายุหญิงที่ประสงค์ให้มีการตั้งครรภ์แทนนั้น เนื่องจากปัจจุบันคนที่อยากจะมีลูก ก็เก็บไข่ไว้ตั้งแต่ 30 ปี และบางรายอาจมีการสมรสตอนอายุ 60 ปี หญิงรายนี้ก็จะสามารถเอาตัวอ่อนของตัวเองที่เก็บไว้ ไปผสมกับอสุจิของสามี หรือรับบริจาคอสุจิ

จากนั้นก็นำไปฝากกับแม่อุ้มบุญตามกฎหมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเลือกคนในเครือญาติในฝ่ายหญิงหรือฝ่ายชายก่อน ถ้าไม่ได้ก็สามารถไปหาหญิงอื่นที่พร้อมรับอุ้มบุญที่เคยมีบุตรมาแล้ว

พ.ร.บ.อุ้มบุญ

แก้พ.ร.บ.อุ้มบุญให้คู่รักต่างชาติใช้หญิงไทยท้องแทนได้

ทพ.อาคม กล่าวต่อว่า ขณะนี้ สบส. อยู่ระหว่างการจัดทำ ร่างพ.ร.บ.ฯ คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. … ฉบับใหม่ ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องของโทษปรับ ในส่วนของการอุ้มบุญนั้น เดิมในกฎหมายระบุว่าหญิงหรือชายจะต้องเป็นคนไทย

แต่ขณะนี้อนุกรรมการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ฯ รายมาตรา ได้มีการเสนอให้สามารถอนุญาตให้ชาวต่างชาติ ที่เป็นคนต่างชาติทั้งคู่ เข้ามารับบริการทำอุ้มบุญในประเทศไทย ซึ่งหญิงที่จะใช้อุ้มบุญนั้นคู่สมรสสามารถพามาเองได้ หรือสามารถใช้หญิงไทยในการตั้งครรภ์แทน

แต่ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามกลไกกฎหมาย และตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการยังไม่ได้กำหนดเงื่อนไข จึงต้องรอให้ร่างพ.ร.บ.ฯ ดำเนินการไปถึงขั้นนั้นก่อน หาก ร่างพ.ร.บ.ฯ นี้สำเร็จ จะถือเป็น พ.ร.บ. ฉบับแรกของโลก

ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.ฯ จะมีแนวทางป้องกันการลักลอบค้ามนุษย์ ซึ่งจะมีรายละเอียดแนวทางต่างๆ ที่จะป้องกัน การค้ามนุษย์ในประเทศไทยหรือการส่งออกมนุษย์ไปต่างประเทศ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg

Avatar photo