General

เมียนักธุรกิจโคราช อุ้มลูก 5 ขวบ พบ ‘ปวีณา’ แฉถูกสามีทำร้ายร่างกาย

อดีตว่าที่ผู้สมัคร สส.พรรคประชาธิปัตย์ เมียนักธุรกิจโคราช อุ้มลูกสาววัย 5 ขวบร้อง “ปวีณา”ช่วย แฉถูกสามีทำร้ายร่างกาย ใช้ปืนขู่ จนเกิดความกลัว

เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (29 ก.พ.67) ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี หมู่ 2 คลอง 7 ธัญบุรี ตำบลลำผักกูด อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี นางสาวใหม่ (นามสมมุติ) อายุ 36 ปี อดีตว่าที่ผู้สมัคร สส.พรรคประชาธิปัตย์ได้เดินทางเข้าพบนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี

สามี

หลังจากที่นายพงษ์ภูมิพันธ์ หรือนายปิ๊ก อายุ 42 ปีสามีทำร้ายร่างกาย ใช้ปืนยิง ใช้มีดคัดเตอร์กรีดเสื้อผ้าเสียหาย ยึดโทรศัพท์ไม่ให้ใช้ และไล่ออกจากบ้านจนทนพฤติกรรมสามีไม่ไหว ตัดสินใจพาลูกหนีออกจากบ้าน แต่สามีกลับร้องสื่อประกาศตามหาว่าคนหายเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ก่อนตัดสินใจเดินทางเข้าขอความช่วยเหลือจากนางปวีณา

นางสาวใหม่ เล่าว่า เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ตนได้ตัดสินใจโทรศัพท์ติดต่อเข้ามาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ พร้อมกับเล่าว่า ตนได้อยู่กินกับนายปิ๊ก ซึ่งจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีบุตรสาวด้วยกัน 1 คน ปัจจุบันอายุ 5 ขวบ ขณะที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสามีมักจะมีอารมณ์รุนแรงโมโหร้ายอยู่ตลอดหาเรื่องทะเลาะกับตน ซึ่งตนไม่อยากมีปัญหาจึงได้แต่ทนอยู่เพื่อลูก แต่ระยะหลังสามีเริ่มมีอารมณ์รุนแรงมากขึ้น หงุดหงิดง่ายทุกครั้งที่มีปัญหาลูกจะอยู่ด้วย ตนจึงเป็นฝ่ายเงียบตลอด

ต่อมาช่วงปลายเดือน พฤศจิกายน 66 มีปัญหากับเรื่องร้านอาหาร ออเดอร์อาหารออกช้าทำให้ลูกค้าบ่น ตนจึงได้เข้าไปจัดระบบในครัว อยู่ๆสามีได้เข้าไปต่อว่าตนและพนักงานในครัวใช้คำพูดหยาบคาย ตนจึงได้อธิบายเหตุผลให้ฟัง แต่สามีไม่รับฟังแล้วเดินเข้ามาตบหน้าตน 2 ครั้ง ต่อหน้าพนักงานเกือบ 10 คน จากนั้นตนกับสามีจึงได้เดินไปที่ออฟฟิศ ซึ่งอยู่ภายในพื้นร้านอาหารเพื่อรับความเข้าใจกัน แต่สามีกลับด่าทอตนและไล่ออกจากร้านอาหาร พร้อมกับใช้อาวุธปืนยิงโซฟาที่ตนนั่งอยู่ กระซากแขนให้ออกไปจากออฟฟิศจนล้มลงแล้วใช้เท้าเตะเข้าที่ใบหน้า 1 ครั้ง จากนั้นตนจึงได้กลับมาที่บ้านพ่อแม่ แต่ไม่ได้เข้าแจ้งความ ซึ่งตนคิดว่ารอให้อารมณ์สามีเย็นลงน่าจะคุยกันได้ แต่สามีก็ยังเป็นเหมือนเดิม

จนวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 67 พ่อแม่สามีเห็นว่าทะเลาะกันบ่อยจึงได้เรียกตนกับสามีไปพูดคุยเพื่อปรับความเข้าใจกัน แต่สามียืนยันว่าจะเลิกกับตนและคุกเข่ากราบพ่อพูดว่าขอชีวิตผมคืน ผมอยากมีความสุข ผมอยากเริ่มต้นใหม่ยืนยันจะเลิก แต่พ่อกับแม่ช่วยเจรจาขอให้อยู่กันเป็นครอบครัวเหมือนเดิม หลังจากนั้นตนได้เดินขึ้นไปบนห้องนอนและหยิบโทรศัพท์มือถือเข้าแอปธนาคารเพื่อจ่ายค่าไฟร้านอาหาร สามีเดินตามขึ้นห้องไปเห็นตนจับโทรศัพท์อยู่จึงเข้ามาตบหน้าตน 1 ครั้ง ตนจึงได้ลงมาบอกพ่อกับแม่ว่าถูกสามีทำร้ายอีก และได้เรียกคุยกันอีกครั้ง แต่ยังไม่ได้บทสรุป สามีจึงขับรกออกจากบ้านไป

กระทั่งเวลาประมาณ 16.00 น. สามีกลับเข้ามาบ้านแล้วได้ยึดโทรศัพท์ตนไปไม่ยอมคืนให้ใช้อีกเลย คืนวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 67 สามีได้ต่อว่าตนอีกว่ามีอะไรชอบไปฟ้องพ่อแม่เขา ทำให้เขาดูไม่ดีในสายตาพ่อแม่ ชอบไปนั่งปั้นหน้าให้พ่อแม่สงสาร และไล่ออกจากบ้านอีก แต่ตนไม่ได้ตอบโต้อะไร

ต่อมาวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 67 จนเวลาประมาณ 21.00 น.สามีกลับเข้ามาบ้านเพื่อมาร่วมงานทำบุญบ้าน แต่ตนไม่ทันเห็นว่าสามีมาถึงแล้วเพราะตนป้อนข้าวลูกอยู่ในบ้าน เมื่อตนเดินไปหาสามีกลับถูกสามีไล่ให้ไปไกลๆ หาเรื่องทะเลาะและใช้เท้าถีบที่ต้นขาตนจนล้มลง จากนั้นสามีได้ถือมีดคัดเตอร์ไปกรีดเสื้อผ้าของตนและลูกสาว และพูดว่ากูเป็นคนซื้อให้กูจะทำอะไรก็ได้ ทำให้ตนรู้สึกกลัวมาและไม่กล้าพูดอะไร

กระทั่งวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 67 เวลาประมาณ 07.30 น. ขณะที่ตนไปส่งลูกที่โรงเรียนกับน้องสาวสามีจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วว่าตนจะไม่ทนอยู่อีกต่อไป จึงพาลูกหนีเข้ามา กทม. เข้าแจ้งความไว้แล้ว และติดต่อมาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ ต้องการหย่าขาดและเป็นผู้ดูแลบุตรเพียงฝ่ายเดียว โดยที่ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก

หลังรับแจ้งนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้ประสานไปยัง พ...คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก..จว.นครราชสีมา และประสาน พ...สุทธินันท์ คงแช่มดี ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา และให้ นางสาวใหม่ เข้าให้ปากคำ และมูลนิธิปวีณาฯได้รอรับตัว นางสาวใหม่พร้อมลูกวัย 5 ขวบเข้ามาอยู่ในการดูที่มูลนิธิปวีณาฯแล้ว 

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo