General

สธ. ส่งทีม MCATT เยียวยาจิตใจ เหตุเด็ก ม.2 แทงเพื่อนดับ ครู-นักเรียนเครียด 48 คน

“หมอชลน่าน” ส่งทีมเยียวยาใจครู นักเรียน อยู่ในภาวะเครียด 48 คน หลังเกิดเหตุสลดเด็ก ม.2 แทงเพื่อนดับ จิตแพทย์เตือนพ่อแม่ไม่ควรใช้ข้อต่อรอง เมื่อลูกแสดงพฤติกรรมรุนแรง

จากเหตุการณ์ความรุนแรงนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 แทงเพื่อนร่วมชั้นเรียนเสียชีวิตในโรงเรียนย่านพัฒนาการ เมื่อวันที่ 29 มกราคม ที่ผ่านมานั้น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กรมสุขภาพจิต โดยทีม MCATT สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ สถาบันราชานุกูล ศูนย์สุขภาพจิตที่ 13 และสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร โดยศูนย์บริการสาธารณสุขที่ 37 ร่วมลงพื้นที่เพื่อปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือเยียวยาจิตใจนักเรียน ณ ที่เกิดเหตุ

เด็ก ม.2 แทงเพื่อนดับ

ทั้งนี้ ได้ร่วมวางแผนประเมินสุขภาพใจ และให้การปฐมพยาบาลทางจิตใจเบื้องต้นกับนักเรียนและบุคลากรครู ทั้งสิ้น 67 คน แบ่งเป็นนักเรียน 55 คน และบุคลากรครู 12 คน พบว่า นักเรียน 36 คน และครู 12 คน มีภาวะความเครียด

จากนั้นได้จัดให้มีการให้คำปรึกษารายบุคคล รวมถึงวางแผนเยียวยาจิตใจร่วมกับผู้บริหารโรงเรียนในการดูแลจิตใจในระยะยาวต่อไป ซึ่งจะมีการส่งเจ้าหน้าที่จาก สถาบันจิตเวชศาศาตร์สมเด็จเจ้าพระยา เข้าร่วมปฏิบัติงานเพิ่มเติม โดยเป้าหมายคือดูแลสุขภาพจิตผู้ได้รับผลกระทบอย่างครอบคลุม

ด้าน นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า สาเหตุของความก้าวร้าว มักไม่ได้มาจากปัจจัยเดียว เกิดได้จากหลายปัจจัย ตั้งแต่ปัจจัยส่วนตัวที่มีปัญหาการจัดการอารมณ์ การจัดการความโกรธ ความใจร้อนหุนหันพลันแล่น หรือเป็นโรคที่ยับยั้งชั่งใจ คุมตัวเองยาก

ปัจจัยจากครอบครัวที่มีความก้าวร้าวทางร่างกาย วาจา อารมณ์ ทำให้เรียนรู้ว่าสามารถแก้ไขความไม่พอใจด้วยความก้าวร้าวได้ หรือบางครั้งดูแลตามใจจนเด็กไม่ได้ฝึกควบคุมตนเอง เมื่อไม่พอใจก็แสดงความก้าวร้าวใส่ผู้อื่น

ส่วนปัจจัยทางโรงเรียน สังคมที่อยู่รอบตัว การกลั่นแกล้งรังแก การอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่นิยมความรุนแรง การใช้สารเสพติด ก็เป็นสิ่งที่หล่อหลอมให้ใช้ความรุนแรงในชีวิตประจำวัน และปัจจุบันมีปัจจัยด้านสื่อออนไลน์ ที่สามารถสร้างอารมณ์การเกิดความรุนแรงได้ง่าย

สำหรับการแก้ไขและป้องกันปัญหาความรุนแรง จึงต้องแก้ไขทุกปัจจัยไปพร้อมๆ กัน ได้แก่ การให้เด็กรู้อารมณ์และจัดการอารมณ์ มีข้อแนะนำ 3 ข้อ ดังนี้

ครอบครัว

1. ผู้ใหญ่ควรควบคุมให้เด็กหยุดความก้าวร้าวด้วยความสงบ เช่น ใช้การกอดหรือจับให้เด็กหยุด หลังจากที่เด็กอารมณ์สงบแล้ว ควรพูดคุยถึงสาเหตุที่ทำให้เด็กไม่พอใจจนแสดงความก้าวร้าว เพื่อให้เด็กได้ระบายออกเป็นคำพูด

2. ควรเริ่มฝึกฝนเด็กตั้งแต่อายุ 3 ขวบให้รู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเองเช่นฝึกให้แยกตัวเมื่อรู้สึกโกรธ

3. ฝึกให้เด็กรู้จักเห็นอกเห็นใจ มีจิตใจโอบอ้อมอารีแก่ คน สัตว์ หรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ

นอกจากนี้ การดูแลอย่างเหมาะสมของครอบครัวสามารถทำได้ 3 วิธีคือ

1. ต้องไม่ใช้ความรุนแรงเข้าไปเสริม การลงโทษอย่างรุนแรงในเด็กที่ก้าวร้าวไม่ช่วยให้ความก้าวร้าวดีขึ้น เด็กอาจหยุดพฤติกรรมชั่วครู่ แต่สุดท้ายก็จะกลับมาแสดงพฤติกรรมนั้นอีก อาจเรื้อรังไปจนโตเป็นผู้ใหญ่ได้

2. ไม่ควรมีข้อต่อรองกันขณะเด็กมีพฤติกรรมก้าวร้าว 3.หลีกเสี่ยงการตำหนิว่ากล่าวเปรียบเทียบ เพราะจะทำให้เด็กมีปมด้อย รวมทั้งการข่มขู่หลอกให้กลัว หรือยั่วยุให้เด็กมีอารมณ์โกรธ เนื่องจากเด็กจะซึมซับพฤติกรรมและนำไปใช้กับคนอื่นต่อ ในปัจจุบันมีการพัฒนาร่วมกันระหว่างโรงเรียนและกระทรวงสาธารณสุขในการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงเพื่อดูแลและส่งต่อ

3. สิ่งที่มีผลต่อเด็กคือสังคมออนไลน์ที่ไม่ควรเป็นตัวอย่างของความก้าวร้าว

สัญญาณในเด๋ก

ด้าน พญ.วิมลรัตน์ วันเพ็ญ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กล่าวว่า วิธีการสังเกตว่าจะมีความรุนแรง คือการเปลี่ยนแปลงทางความคิด อารมณ์ พฤติกรรม เช่น คิดว่าตนเองไม่ดี คนอื่นไม่ดี คิดอยากทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น อารมณ์หงุดหงิดง่าย หรือซึมเศร้า พฤติกรรมก้าวร้าว พูดคำหยาบคาย หรือแยกตัว

กรณีสงสัยว่าบุตรหลานของตนอาจเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง โดยมีข้อแนะนำ 3 ประการดังนี้

1. สังเกตร่องรอยการถูกทำร้ายตามร่างกาย พฤติกรรม หรืออารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของเด็ก เช่น มีอาการหวาดกลัว มีพฤติกรรมถดถอย ก้าวร้าว ซึมเศร้า หรือกลัวการแยกจากผู้ปกครองมากขึ้น

2. ใส่ใจรับฟัง ใช้เวลาพูดคุยมากขึ้น เข้าใจในสิ่งที่ลูกกำลังสื่อสารโดยไม่ด่วนตัดสิน อาจเริ่มต้นจากคำถามง่าย เช่น วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง วันนี้มีความสุขกับอะไรบ้าง วันนี้ไม่ชอบอะไรที่สุดฯลฯ

นอกจากนี้ เมื่อสงสัยว่าลูกถูกกระทำความรุนแรง สามารถใช้การสนทนาด้วยประโยคง่าย ๆ เช่น ถ้ามีใครทำให้ลูกเจ็บหรือเสียใจ เล่าให้พ่อแม่ฟังได้นะ เราจะได้ช่วยกัน หรือในกรณีที่เด็กไม่สามารถเล่าหรือตอบได้ อาจใช้ศิลปะหรือการเล่นผ่านบทบาทสมมุติเพื่อเป็นเครื่องมือในการช่วยสื่อสารได้

3. สร้างพื้นที่ปลอดภัยในครอบครัว ให้ลูกสามารถสื่อสาร หรือเล่าเรื่องราวต่างๆ ได้ โดยไม่ถูกบ่นหรือตำหนิ หลีกเสี่ยงการใช้การลงโทษที่ใช้ความรุนแรงทางกายภาพและทางอารมณ์ เน้นการใช้แรงเสริมทางบวกเพื่อเพิ่มพฤติกรรมที่ดีแทน

หากเด็กและเยาวชนในการดูแลมีพฤติกรรม อารมณ์ ความคิด ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ควรพาไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น หรือกุมารแพทย์พัฒนาการ ได้ที่สถานพยาบาลต่างๆ ใกล้บ้าน หรือโทรปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo