แนะ ผู้ติดเชื้อ HIV กินยาต้านไวรัสต่อเนื่อง ลดเสี่ยงอาการรุนแรง หากติดโรคฝีดาษลิง-โรคติดเชื้อฉวยโอกาส ย้ำรักษาฟรีทุกสิทธิ
นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ประเทศไทยมีจำนวนผู้รู้สถานะการติดเชื้อเอชไอวี ประมาณ 500,000 คน ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัส ประมาณ 457,000 คน (90%) และกดปริมาณไวรัสสำเร็จ ประมาณ 445,000 คน (97%) ซึ่งมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีจำนวนมาก ทั้งที่รู้สถานะและไม่รู้สถานะการติดเชื้อเอชไอวีของตนเอง ไม่ได้เข้าสู่ระบบการรักษา และรักษาไม่ต่อเนื่อง ส่งผลให้เสี่ยงโรคติดเชื้อฉวยโอกาส เสี่ยงเกิดอาการรุนแรงหากติดโรคฝีดาษวานร
ประเทศไทยใช้ยาต้านไวรัสเป็นสูตรหลักของการรักษาเอชไอวี ได้ผลในการควบคุมเชื้อเอชไอวีดีที่สุด มีผลข้างเคียงน้อย กินง่าย โดยยาจะไปยับยั้งการแบ่งตัวและยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเชื้อเอชไอวี หากผู้ติดเชื้อกินยาตรงเวลาทุกวัน ต่อเนื่อง สม่ำเสมอ จะกดเชื้อไวรัสให้มีจำนวนน้อยลงถึงระดับที่ตรวจเลือดไม่พบเชื้อเอชไอวี และไม่สามารถถ่ายทอดเชื้อไปสู่ผู้อื่นได้
กินยาต้านไวรัสต่อเนื่อง ลดเลี่ยงอาการรุนแรง หากติดเชื้อฉวยโอกาส–ฝีดาษลิง
การตรวจไม่พบเชื้อเอชไอวี หมายถึงยาต้านไวรัสได้กดเชื้อ HIV จนเหลือน้อยมาก แต่เชื้อเอชไอวียังหลบซ่อนตัวอยู่ในที่ต่างๆ ทั่วร่างกาย เช่น ในสมอง ต่อมน้ำเหลือง หรือลำไส้ เป็นต้น
ดังนั้น หากผู้ติดเชื้อเอชไอวี ไม่กินหรือหยุดกินยาต้านไวรัส อาจทำให้จำนวนเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้น ภูมิคุ้มกันลดลง มีโอกาสเสี่ยงโรคติดเชื้อฉวยโอกาส และเสี่ยงเกิดอาการรุนแรงหากได้รับเชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย โดยเฉพาะ ฝีดาษวานร ที่ขณะนี้ ยังพบผู้ติดเชื้อฝีดาษวานรเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยความเสี่ยงเมื่อผู้ติดเชื้อเอชไอวี ที่มีระดับจำนวนเม็ดเลือดขาว ซีดี 4 ต่ำกว่า 200 เซลล์/ลบ.มม. ติดโรคฝีดาษวานร จะมีอัตราการเสียชีวิตประมาณ 15%
จึงมีคำแนะนำ ให้ผู้ติดเชื้อ HIV กินยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดกินยาเอง และอย่าหลงเชื่อโฆษณาที่อ้างผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ที่รักษาการติดเชื้อเอชไอวี เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยัน
รักษาฟรีทุกสิทธิ
พร้อมแนะนำหากเคยตรวจพบว่าติดเชื้อเอชไอวีแล้วยังไม่รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัส ให้รีบเข้ารับการรักษาทันที รักษาฟรี ทุกสิทธิการรักษา เพื่อให้มีระดับเซลล์ภูมิคุ้มกันซีดี 4 เกิน 200 เซลล์/ลบ.มม. ซึ่งจะเพียงพอในการป้องกันการเจ็บป่วยจากโรคฉวยโอกาส
นอกจากนี้ แนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์กับทุกคน ทุกช่องทาง เพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคไวรัสตับอักเสบ บี และ ซี รวมถึงหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดแนบเนื้อกับผู้ที่มีผื่น ตุ่ม หรือหนอง และไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เพื่อป้องกันการติดโรคฝีดาษวานร
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ศธ.ขอครูใช้คาบ ‘โฮมรูม’ สร้างภูมิคุ้มกัน HIV – แนะพกถุงยางหลังติดเชื้อHIVพุ่ง 22.4%
- ตัวเลขเยาวชน ‘ติดเชื้อเอชไอวี’ พุ่ง พ่วงซิฟิลิส-หนองใน การใช้ถุงยางอนามัยต่ำกว่า 40%
- ด่วน! สาธารณสุขลำปาง พบผู้ป่วย ‘ฝีดาษลิง’ รายแรก สั่งทุกโรงพยาบาลชุมชน เตรียมรับมือ