General

ข่าวดีผู้ต้องขัง!! บอร์ดสปสช. เพิ่มสิทธิประโยชน์สร้างเสริมสุขภาพฯ ดูแล 10 รายการ

บอร์ดสปสช. เพิ่ม 10 สิทธิประโยชน์บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในกลุ่มผู้ต้องขังทั่วประเทศ 2.7 แสนราย ปีงบประมาณ 2567 เป็นบริการใหม่ 1 รายการ และ 9 รายการ ที่ขยายเพิ่มจำนวนครั้งรับบริการ 

ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ดสปสช.) โดยมี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมฯ มีมติเห็นชอบ บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (เพิ่มเติม) สำหรับผู้ต้องขัง ปีงบประมาณ 2567 จำนวน 10 รายการ

ผู้ต้องขัง1

ทั้งนี้ เพื่อดูแลผู้ต้องขังให้เข้าถึงบริการตรวจสุขภาพที่จำเป็นเพิ่มมากขึ้น ซึ่งข้อเสนอนี้ได้ผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการกำหนดประเภทและขอบเขตในการให้บริการสาธารณสุข โดยมี รศ.พญ.ประสบศรี อึ้งถาวร เป็นประธาน และนำเสนอโดย นางวราภรณ์ สุวรรณเวลา รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า สปสช. ให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพผู้ต้องขัง นอกจากการเข้าถึงในด้านการรักษาพยาบาลแล้ว ยังเน้นการเข้าถึงบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค

ในปีงบประมาณ 2567 กรมราชทัณฑ์ได้เสนอขอขยายรายการบริการสาธารณสุขสำหรับผู้ต้องขังในเรือนจำ รวมทั้งหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กองเศรษฐกิจและประกันสุขภาพ กองบริหารการสาธารณสุข กรมควบคุมโรค สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ สปสช. เพื่อร่วมกันพิจารณาข้อเสนอ พร้อมทบทวนรายการบริการสุขภาพที่จำเป็นสำหรับผู้ต้องขัง และนำเข้าสู่กระบวนการตามกลไกของ สปสช. จนมีมติเห็นชอบในวันนี้

สำหรับบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคที่เพิ่มเติมสำหรับผู้ต้องขัง 10 รายการ จะครอบคลุมการดูแลผู้ต้องขังในเรือนจำทั่วประเทศ 2.7 แสนคน แบ่งเป็น รายการบริการใหม่ 1 รายการ คือ วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ โดยผู้ต้องขังจะได้รับบริการระหว่างต้องโทษ 1 ครั้ง และอีก 9 รายการ เป็นบริการเดิมโดยได้เพิ่มจำนวนครั้งของรับบริการเพื่อป้องกันการแพร่กระจายโรค ประกอบด้วย

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี

1. บริการตรวจคัดกรองวัณโรคด้วยการเอกซเรย์ทรวงอก

2. บริการตรวจคัดกรองโรคซิฟิลิส

3. บริการตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบซี

4. บริการคัดกรองโรคไม่ติดต่อและปัญหาสุขภาพอื่นๆ

5. บริการด้านส่งเสริมสุขภาพจิต เช่น การคัดกรองโรคซึมเศร้า บริการให้คำปรึกษา/เตรียมความพร้อมผู้ต้องขังป่วยจิตเวชก่อนปล่อย

6. บริการด้านทันตกรรมป้องกันและการเคลือบฟลูออไรด์

7. บริการคัดกรองโรคโควิด 19 และโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจและบริการสำหรับกลุ่มผู้ต้องขังที่ปฏิบัติงานด้านสูทกรรม จัดบริการปีละ 1 ครั้ง

8. บริการคัดกรองโรคติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร

9. การตรวจสุขภาพทั่วไป เช่น การคัดกรองและตรวจโรคผิวหนัง ตรวจวัดสายตาเบื้องต้น

ผู้ต้องขัง

นพ.จเด็จ กล่าวต่อว่า สำหรับในส่วนของงบประมาณเพื่อดำเนินการนั้น ที่ประชุมได้เห็นชอบแหล่งงบประมาณ ดังนี้ กรณีรายการบริการเดิมเพิ่มเป้าหมาย ให้ใช้งบประมาณจากรายการบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคปี 2567 โดยใช้งบประมาณปี 2566 ไปพลางก่อน

ส่วนรายการบริการใหม่ คือ บริการวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ให้ใช้งบประมาณจากรายได้สูง(ต่ำ) กว่าค่าใช้จ่ายสะสม วงเงิน 33.032 ล้านบาท และมอบให้ สปสช. จัดทำประกาศหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายชดเชยบริการตามอัตราที่กำหนดเพื่อรองรับการดำเนินการสิทธิประโยชน์นี้ต่อไป

ทั้งนี้ ผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำถือเป็นประชากรกลุ่มเปราะบาง ซึ่งแต่เดิมมีปัญหาในการเข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็น แม้ว่าระบบบัตรทองจะให้สิทธิที่ครอบคลุมดูแลแล้ว แต่ด้วยความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานเพื่อดูแลสุขภาพให้กับผู้ต้องขัง ทำให้ผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำทั่วประเทศเข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็นได้ ซึ่งรวมถึงบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค

จากมติบอร์ด สปสช. ในวันนี้ที่จะเริ่มในปีงบประมาณ 2567 จะทำให้ผู้ต้องขังได้รับบริการเพิ่มเติมตามความจำเป็น ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ผู้ต้องขังในเรือนจำมีสุขภาพที่ดีขึ้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo