General

‘สมศักดิ์’ สั่ง สทนช. ทบทวนมาตรการรับมือฤดูแล้ง-เอลนีโญ ชง กนช. ปลายเดือน ต.ค.นี้

“สมศักดิ์” นั่งหัวโต๊ะเตรียมพร้อมบริหารจัดการน้ำฤดูแล้ง 66/67 สั่ง สทนช. ทบทวนมาตรการรับมือฤดูแล้ง-เอลนีโญ ก่อนเสนอ กนช. ปลายเดือนตุลาคมนี้

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเตรียมการในการบริหารจัดการน้ำ ปี 2566/2567 โดยมี ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุมมาตรการรับมือฤดูแล้ง

มาตรการรับมือฤดูแล้ง

นายสมศักดิ์ เปิดเผยว่า ในวันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านน้ำได้ประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาแนวทางเตรียมการในการบริหารจัดการน้ำฤดูแล้ง ปี 2566/2567 โดยขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในสภาวะเอลนีโญกำลังปานกลาง และคาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้นในช่วงเดือน พฤศจิกายน 2566-มกราคม 2567 จากนั้นจะมีกําลังอ่อนลงและต่อเนื่องไปจนถึงช่วงเดือน กุมภาพันธ์- เมษายน 2567

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในช่วงปลายฤดูฝนนี้มีปริมาณฝนตกเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้สถานการณ์น้ำในแหล่งน้ำต่าง ๆ ดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ในระดับหนึ่ง โดยเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 แหล่งน้ำทั่วประเทศมีปริมาณน้ำ 60,614 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 74% ของความจุเก็บกัก และปริมาณน้ำใช้การ 36,445 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 63% ของความจุใช้การ

นอกจากนี้ในช่วงวันที่ 10-16 ตุลาคม 2566 มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ รวม 3,595 ล้าน ลบ.ม. ทำให้ปัจจุบัน อ่างฯ ใหญ่ ที่ต้องเฝ้าระวังน้ำน้อย มีจำนวนลดลงจากเดิม 11 แห่ง เหลือ 4 แห่ง ได้แก่ เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนทับเสลา เขื่อนปราณบุรี และเขื่อนคลองสียัด

สมศักดิ์ 1
สมศักดิ์ เทพสุทิน

จากการคาดการณ์ปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างฯ ใหญ่ ณ ช่วงต้นฤดูแล้ง (1 พ.ย. 2566) พบว่า จะมีปริมาณน้ำ 55,779 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 79% ของความจุเก็บกัก โดยเป็นปริมาณน้ำใช้การ 32,233 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 68% ของความจุใช้การ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้เมื่อช่วงต้นเดือน กันยายน 2566

ทั้งนี้ จากปริมาณน้ำที่เพิ่มมากขึ้นจากฝนในช่วงท้ายฤดู ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้ สทนช. บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทบทวน (ร่าง) มาตรการรับมือฤดูแล้งปี 2566/2567 ทั้ง 9 มาตรการ แบ่งเป็น 3 ด้าน คือ

ด้านน้ำต้นทุน

  • เฝ้าระวังและเตรียมจัดหาแหล่งน้ำสำรอง พร้อมวางแผนเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือในพื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงขาดแคลนน้ำ
  • ปฏิบัติการเติมน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านความต้องการใช้น้ำ

  • กำหนดแผนจัดสรรน้ำและพื้นที่เพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ควบคุมการเพาะปลูกข้าวนาปรัง สร้างการรับรู้ให้กับเกษตรกร เตรียมน้ำสำรองสำหรับพื้นที่ลุ่มต่ำรับน้ำนอง
  • บริหารจัดการน้ำให้เป็นไปตามลำดับความสำคัญการใช้น้ำที่คณะกรรมการลุ่มน้ำกำหนด
  • เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ ประหยัดน้ำ และลดการสูญเสียน้ำในทุกภาคส่วน
  • เฝ้าระวังและแก้ไขคุณภาพน้ำ

สมศักดิ์1

ด้านการบริหารจัดการ

  • เสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการบริหารจัดการน้ำของชุมชน/องค์กรผู้ใช้น้ำ
  • สร้างการรับรู้ ประชาสัมพันธ์
  • ติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน เพื่อให้มาตรการมีความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

จากนั้นจะเสนอในการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2566 ในวันที่ 26 ตุลาคมนี้ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ติดตามผลการขับเคลื่อนการบริหารศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า ปี 2566 ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและพื้นที่ภาคกลาง รวมทั้งติดตามการดำเนินการตาม 12 มาตรการฤดูฝน ปี 2566 ซึ่งที่ผ่านมาทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการติดตามการดำเนินงานและรายงานผลเป็นระยะ ทำให้การขับเคลื่อนมาตรการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อสถานการณ์

พร้อมกันนี้ ได้กำชับให้มีการบริหารจัดการน้ำในช่วงปลายฤดูฝนส่งต่อสู่ฤดูแล้งอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง พร้อมเน้นย้ำความสำคัญของการบูรณาการความร่วมมือในการดำเนินงานอย่างเป็นเอกภาพ โดยมีเป้าหมายให้มีปริมาณน้ำเพียงพอในภาพรวมทั้งประเทศภายใต้สภาวะเอลนีโญ

ด้าน ดร.สุรสีห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการเร่งเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือสถานการณ์เอลนีโญในช่วงฤดูแล้งที่กำลังจะมาถึงอย่างเต็มที่ โดยจะปฏิบัติตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด

ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการสร้างความตระหนักรู้ให้แก่สาธารณชนถึงสถานการณ์เอลนีโญและขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ำร่วมกัน สทนช. จะมีการจัดกิจกรรมเสวนาวิชาการ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ที่เป็นประโยชน์ รวมถึงจัดนิทรรศการแสดงการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการน้ำของหน่วยงานต่าง ๆ ในช่วงประมาณเดือน พฤศจิกายนนี้

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo