คนกรุงเตรียมตัว กทม. เตรียมจำกัดความเร็วรถ ในชุมชนและพื้นที่เสี่ยง หลังพบเสียชีวิต-บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ กว่า 1 แสนราย ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา
รศ.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน กรุงเทพมหานคร (ศปถ.กทม.) ครั้งที่ 4/2566 โดยมี นายณรงค์ เรืองศรี รองปลัดกรุงเทพมหานคร คณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักการจราจรและขนส่ง สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำหรับการศึกษา และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม
เตรียมจำกัดความเร็วรถ หลังพบตาย-เจ็บอื้อ
ที่ประชุมรายงานสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ช่วงเดือน มกราคม – กันยายน พ.ศ.2566 มีผู้เสียชีวิต 675 ราย ผู้บาดเจ็บ 106,588 ราย ปัจจัยพฤติกรรมเสี่ยง ประกอบด้วย ขับเร็ว 113 ราย แซง/เลี้ยวตัดหน้า/เปลี่ยนเลนกระกันหัน 48 ราย ไม่เว้นระยะห่าง(ชนท้าย) 19 ราย ฝ่าสัญญาณไฟจราจร 14 ราย
รถใหญ่จอดริมถนน 11 ราย ขับเร็ว, แซง /เลี้ยวตัดหน้า/เปลี่ยนเลนกระกันหัน 11 ราย ขับเร็ว, ไม่เว้นระยะห่าง(ชนท้าย) 8 ราย ขับเร็ว, รถใหญ่จอดริมถนน 5 ราย ย้อนศร 4 ราย ดื่มขับ 3 ราย แบ่งประเภทยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุ รถยนต์ 11.4% รถจักรยานยนต์ 88.6%
ที่ประชุมได้มอบหมายสำนักการจราจรและขนส่ง จำกัดความเร็วในชุมชนและพื้นที่เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ ตรวจสอบไฟฟ้าส่องสว่าง รวมทั้งประสานหน่วยงานสาธารณูปโภคที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ให้คำนึงถึงความปลอดภัยในที่สาธารณะเพื่อลดอุบัติเหตุ
กระตุ้นวินัยให้นักเรียนสวมหมวกนิรภัย
พร้อมทั้งหารือการสวมหมวกนิรภัยของนักเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ภายใต้โครงการส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย 100 % จากการสำรวจปัจจุบันพบว่าสวมหมวกนิรภัยน้อยมาก ซึ่งนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มอบหมายสำนักการศึกษากำหนดเรื่องการสวมหมวกเป็นตัวชี้วัดของโรงเรียนกทม. และร่วมกับ สำนักการจราจรและขนส่ง นำระบบ CCTV และ เทคโนโลยี AI มาใช้ในการสำรวจ
รวมทั้งสำรวจแต่ละโรงเรียนเชิงลึกถึงปัญหา และ สาเหตุที่ผู้ปกครอง / นักเรียน ไม่สวมหมวกนิรภัย ที่ประชุม มอบหมายสำนักการศึกษาสำรวจสาเหตุและผลักดันโครงการให้มีการสวมหมวกนิรภัย 100% พร้อมทั้งรณรงค์ขอความร่วมมือกับผู้ปกครองเชิงรุก อาทิ การปฐมนิเทศผู้ปกครอง การตั้งกฎเกณฑ์และหารือกันภายในเรื่องการสวมหมวกนิรภัย
รวมทั้งการจัด ranking เพื่อให้แต่ละโรงเรียนมีการแข่งขันกัน และประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจกวดขันบังคับใช้ข้อกฎหมายบริเวณหน้าโรงเรียนเพื่อกระตุ้นเตือนวินัยเรื่องการสวมหมวกนิรภัย
ตั้งหน่วยกู้ภัยหช่วยเหลืออย่างถูกต้องและรวดเร็ว
นอกจากนี้ได้หารือภารกิจการตอบสนองหลังเกิดอุบัติเหตุกู้ภัยทางถนน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่อันตรายหรือพื้นที่เสี่ยง โดยจัดตั้งหน่วยกู้ภัยในการเข้าช่วยเหลือผู้ได้รับอุบัติเหตุทางถนน เพื่อนำส่งผู้ป่วยอย่างถูกต้องมีมาตรฐาน และประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด
ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการ มอบหมายสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ดำเนินการเตรียมความพร้อมของอุปกรณ์ กำหนดมาตรฐานรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของหน่วยกู้ภัย พัฒนาบุคลากรให้มีความพร้อมและเหมาะสมต่อการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งเสริมหลักสูตรการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยให้แก่เจ้าหน้าที่
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- กทม. เร่งพัฒนา Traffy Fondue ‘แจ้งเตือนภัย’ ภายใน 7 วัน
- เฮ! ครม. ไฟเขียว งบกลาง 541 ล้านบาทเพิ่มเติม ให้กทม.จ่าย ‘เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ-ผู้พิการ’
- เช็กเลย! กรมบัญชีกลาง เตรียมจ่าย ‘เบี้ยยังชีพ ผู้สูงอายุ’ 100 บาทต่อเดือน สูงสุด 6 เดือน เริ่ม 12 ก.ย.นี้