“วราวุธ” หนุน “โรงรับจำนำรัฐ” เป็นนิติบุคคล แก้กฎหมายให้ทันสมัย ขยายสาขาทั่วประเทศ มุ่งช่วยประชาชนเดือดร้อนทางการเงิน
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมคณะที่ปรึกษาฯ ตรวจเยี่ยมสำนักงานธนานุเคราะห์ (สธค.) พร้อมมอบนโยบายการขับเคลื่อนภารกิจโรงรับจำนำของรัฐ โดยมี นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายประสงค์ พันธ์ลิมา ผู้อำนวยการสำนักงานธนานุเคราะห์ พร้อมคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ ร่วมให้การต้อนรับ
นายวราวุธ กล่าวว่า สธค. หรือโรงรับจำนำของรัฐ เป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้ความช่วยเหลือประชาชน ที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนทางการเงิน โดยรับจำนำในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ด้วยการให้บริการที่เป็นธรรม รวดเร็ว ทันสมัย ซึ่งจำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อม เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสู่องค์กรยุคใหม่ในอนาคต
ตนได้มอบนโยบายการผลักดันให้ สธค. เป็นนิติบุคคล ซึ่งหากเป็นนิติบุคลแล้ว จะทำให้เพิ่มความสามารถในการให้บริการ และกระจายความช่วยเหลือรูปแบบต่าง ๆ ให้กับประชาชนฐานรากได้มากขึ้น
การผลักดันปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.โรงรับจำนำ พ.ศ. 2505 ให้มีความทันสมัย และตรงตามความต้องการ เพื่อประโยชน์อย่างสูงสุดของประชาชน เป็นการรองรับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ และสังคมในปัจจุบัน
ส่วนการขยายสาขาให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อการกระจายความช่วยเหลือให้กับประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย สามารถเข้าถึงบริการภาครัฐได้อย่างทั่วถึง ส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
นายวราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า สธค. แม้เป็นองค์กรที่ไม่ใหญ่มากนัก แต่นับว่าเป็นองค์กรหนึ่งที่หารายได้เข้ารัฐ เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่มีศักยภาพในการหารายได้ให้แผ่นดิน โดยเฉพาะในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน ที่จะมีแต่การนำงบประมาณจากรัฐไปใช้
บทบาทของ สธค. ที่เป็นอยู่นับว่ามีความสำคัญที่ยิ่งใหญ่ไม่น้อยกว่าหน่วยงานอื่น ๆ ขอเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคน และให้สามารถขยายสาขาได้ทุก ๆ จังหวัด เพื่อเป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศต่อไป
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- วราวุธ ย้ำ น้อยมาก ‘งบค่าอาหารเด็ก’ แค่ 19 บาทต่อมื้อ เร่งสำรวจสัดส่วนอาหารต่องบฯ ที่เหมาะสม
- เกาะติดข่าวปลอมประจำสัปดาห์ ‘ลงทุน-สินเชื่อกู้ยืม’ ติดท็อป 5
- ศธ.ห่วง ‘ไข้หวัดใหญ่’ ระบาด จี้โรงเรียน-สถานศึกษา เข้ม ‘ป้องกัน-ควบคุมโรค’