General

กรมชลฯ จับตาแม่น้ำสายหลัก หลังมีฝนตกเพิ่ม ระดับน้ำสูงขึ้น เร่งผันน้ำ-หน่วงน้ำ ลดผลกระทบต่อประชาชน

กรมชลฯ จับตาแม่น้ำสายหลัก หลังมีฝนตกเพิ่ม ระดับน้ำสูงขึ้น เร่งผันน้ำ-หน่วงน้ำ ลดผลกระทบต่อประชาชน

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ผ่านระบบ Video Conference ไปยังสำนักงานชลประทานที่ 1-17 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักการระบายน้ำ (กรุงเทพมหานคร) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เป็นต้น

เพื่อติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำ และแม่น้ำสายหลักต่าง ๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องและเหมาะสมในแต่ละพื้นที่

กรมชลฯ

ผันน้ำหน่วงน้ำ ช่วยแม่น้ำสายหลัก ลดผลกระทบ

ดร.ทวีศักดิ์  กล่าวว่า ปัจจุบัน ( 2 ต.ค.66) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกัน  52,290 ล้าน ลบ.ม. (68% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ  13,617 ล้าน ลบ.ม. (55% ของความจุอ่างฯ รวมกัน)

กรมชลฯ
ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล

ด้านสถานการณ์น้ำในแม่น้ำสายหลัก หลังจากที่มีฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ตอนบนของประเทศ  ส่งผลให้ปริมาณน้ำมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น

โดยในแม่น้ำยมเพิ่มสูงขึ้น ปัจจุบัน(2 ต.ค. 66) เวลา 06.00น. ที่สถานีวัดน้ำ Y37 อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่  มีปริมาณน้ำไหลผ่านในอัตรา 1,030 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานีวัดน้ำ Y.14A อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ในอัตรา 1,265 ลบ.ม./วินาที

กรมชลประทานได้ใช้ประตูระบายน้ำ(ปตร.) แม่น้ำยม (บ้านหาดสะพานจันทร์) ในการหน่วงน้ำไว้ด้านเหนือปตร. เพื่อลดผลกระทบน้ำหลากบริเวณพื้นที่เศรษฐกิจและตัวเมืองสุโขทัย มีการจัดจราจรน้ำด้วยการผันน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำยม ไปเก็บไว้ในพื้นที่แก้มลิง อาทิ ทุ่งบางระกำ เพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งหน้า ตามแผนการบริหารจัดการน้ำ รวมทั้งช่วยหน่วงน้ำ ไม่ให้ไหลลงมากระทบต่อพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง

ในขณะที่สถานีวัดน้ำ Y.4 อ.เมืองสุโขทัย มีปริมาณน้ำไหลผ่านในอัตรา 447 ลบ.ม./วินาที  สถานการณ์น้ำยังอยู่เกณฑ์ควบคุม และไม่ส่งผลกระทบต่อตัวเมืองสุโขทัย  แต่ยังคงต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากยังคงมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทย

กรมชลฯ

สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำชี-มูล เนื่องจากมีปริมาณฝนเพิ่ม ทำให้ลุ่มน้ำชีตอนบนมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น กรมชลประทาน ได้ใช้เขื่อนทดน้ำต่างๆ ในแม่น้ำชีและลำน้ำสาขา เร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำมูล เพื่อลดผลกระทบในพื้นที่ โดยที่สถานีวัดน้ำ M.7 ระดับน้ำในแม่น้ำมูลมีแนวโน้มทรงตัว การระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขง ยังทำได้ดี ทั้งนี้ ยังคงต้องเฝ้าระวังปริมาณน้ำที่จะไหลลงมาจากลุ่มน้ำชีตอนบน ในอีกประมาณ 5-6 วันข้างหน้า

สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ฝนที่ตกในพื้นที่ตอนบนส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น โดยที่สถานีวัดน้ำ C.2 อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน  1,517 ลบ.ม./วินาที กรมชลประทาน ได้ผันน้ำด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา เข้าระบบชลประทานทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวา เพื่อให้เกษตรกรใช้ประโยชน์ พร้อมควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในเกณฑ์ 1,049  ลบ.ม./วินาที แนวโน้มระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมีปริมาณน้ำจากทางตอนบนไหลลงมาเพิ่มเติม จำเป็นต้องพร่องน้ำบางส่วนเพื่อรองรับปริมาณน้ำที่จะไหลลงมาสมทบอีก

โดยได้ประสานไปยังหน่วยงานระดับจังหวัด  ในการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนถึงสถานการณ์น้ำก่อนการระบายน้ำทุกครั้ง เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบและลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น

กรมชลฯ

ติดตามสถานการณ์น้ำอากาศ แจ้งประชาชนทราบ

ทั้งนี้  ได้สั่งการให้โครงการชลประทานในพื้นที่ที่ยังมีปริมาณฝนตกอยู่ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำและสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด  พร้อมบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งเข้าช่วยเหลือประชาชนให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว  บริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำต่างๆ โดยจัดจราจรน้ำให้สอดคล้องเชื่อมโยงกัน ให้ระบายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่สำคัญให้ทำการประชาสัมพันธ์ถึงสถานการณ์น้ำให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง  เพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นให้มากที่สุด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo