“บิ๊กโจ๊ก” ลั่นผมไม่เอาคืน! แต่ข้อมูลผมมีเยอะ เปิดเมื่อไหร่ ก็ตายกันหมดทั้ง “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ เจาะลึกทั่วไทย อินไซต์ไทยแลนด์ ทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 กรณีตำรวจไซเบอร์การบุกค้นบ้านพักว่า เงินที่ให้ลูกน้องช่วยทำงานโดยเฉลี่ย 1-2 ล้านต่อเดือน โดยเงินจำนวนนี้นอกเหนือจากงบราชการลับครั้งละ 6 แสน ที่ ผบ.ตร. นำมาให้ ซึ่งเงินทั้งหมดถูกต้องตามกฎหมาย เป็นเงินของภรรยา และเงินที่บ้านของผม ถ้าดูเส้นเงินของมินนี่ ที่บอกว่าโอนเข้ามาตรงกับค่าใช้จ่ายของผม ประมาณ 3 ล้านกว่า ถามว่าจะรับเงินจากเว็บพนันที่ไหน 3 ล้านกว่า เขารับกันเป็น 100 ล้าน
ทั้งนี้ หลังจากพ่อตาผมเสีย เงินมรดกที่ยังไม่ได้แบ่งก็เกือบพันล้านแล้ว เมื่อพ่อตาเสียชีวิต แม่ยายก็เป็นผู้จัดการมรดก เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีคนมาซื้อที่ดินร้อยกว่าล้าน วันนี้ผมกับภรรยา ตั้งใจทำอะไรก็ได้ที่จะทำบุญให้ประชาชน ผมเลี้ยงลูกน้อง ไม่ใช่ให้ลูกน้องมาเลี้ยงผม
ส่วนมีคำขู่จะเช็คบิลไปที่ภรรยา และแม่ เพราะมีเส้นทางการเงินไปถึงนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา ตอนนี้เขาเห็นเส้นเงินแล้วว่าเงินจากเว็บพนันมี 3 ล้าน แต่เงินผมมีอยู่ 20 ล้าน ส่วนภรรยาผมจะมีเงินไปถึงมินนี่ยังไง ลูกน้องผมก็ต้องอธิบาย ถ้าเงินได้มาถูกต้องมันก็จบ แต่ถ้าไม่ถูกต้องก็ต้องมาตรวจสอบ
เมื่อถามว่า หากมีการเชิญแม่ไปสอบปากคำจะทำอย่างไร พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ก็ต้องไปสอบปากคำ ผมอาจจะให้ไปสอบที่บ้าน เพราะแม่มาไม่ไหว และอาจจะให้หมอไปอยู่ด้วย เพราะแม่อาจจะไม่ไหว อายุมากแล้ว ทุกวันนี้ก็ต้องทำแบบนี้ ต้องทำเพื่อศักดิ์ศรีของตัวเองและลูกน้อง แต่ต้องแยกให้ออกว่าลูกน้องคนไหนไปพัวพัน
เมื่อถามว่าบ้านทาวโฮมของเฮียแต๋มที่โดนค้นมีความเชื่อมโยงกันอย่างไร พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ปกติผมอยู่แฟลตตำรวจจนเป็นนายพล แต่พอเราเป็นผู้การ งานเราเยอะขึ้น แต่ก็ไม่ได้ไปสร้างบ้าน ผมสนิทกับเฮียแต๋ม รู้จักกันมากว่า 20 ปี ซึ่งนับถือกันเป็นญาติ ก่อนจะออกจากแฟลตตำรวจ ผมก็ถามเฮียแต๋มว่ามีบ้านตรงไหนบ้าง เฮียแต๋มก็บอกว่ามีบ้านหลังดังกล่าว ผมก็เลยมาอยู่ โดยเช่า 2 หลัง และอีก 2 หลังว่างอยู่ก็เลยให้ลูกน้องไปอยู่ เฮียแต๋มเขาทำธุรกิจถูกกฎหมาย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการพนัน ผมก็บอกให้เฮียแต๋มตั้งโต๊ะแถลงเลย ซึ่งกำลังประสานงานให้แถลงข่าว
เมื่อถามอีกว่า รู้มาก่อนหรือไม่ว่า พ.ต.อ.ภาคภูมิ ไปยุ่งกับมินนี่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่รู้มาก่อน ซึ่งพ.ต.อ.ภาคภูมิ พิสมัย เป็นคนทำงานดี ซึ่งไปทำงานเป็นผู้กำกับอยู่ จ.เลย เขาเลยรู้จักกัน ส่วนผมโดนย้ายไปอยู่สำนักนายกรัฐมนตรี ผมเพิ่งถามเขาก็บอกว่ารู้จักกันที่ จ.เลย แต่จะลึกซึ้งกันอย่างไรไม่รู้
เมื่อถามว่าตกลงจะเอาคืนหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ผมไม่เอาคืนหรอก แต่ข้อมูลผมมีมาก ผมเปิดเมื่อไรก็ตายกันหมดทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ยังไม่ขอบอก ผมไม่เอาคืน แต่ข้อมูลมีเยอะ ผมทำตรงไปตรงมาทุกคดี แต่เส้นทางการเงินมันพันกับหลายคน มันไม่ใช่ขี้ไก่แบบของผม เจ้าพ่อเว็บพนันไม่มีใครรู้จักผม และเขากลัวผมหมด ไอ้ที่ทำกับแบบนี้ทำก็ทำได้ แต่ผมยังรักษาองค์กรเอาไว้อยู่
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘บิ๊กโจ๊ก’ ไม่เข้าประชุม ‘ก.ตร.’ ขอลา 1 วัน ไปทำสมาธิ ลั่นฟ้ามีตา
- เปิดข้อหา 8 ลูกน้อง ‘บิ๊กโจ๊ก’ ตำรวจ 1 นาย โดนคนเดียว 2 ข้อหา
- ส่องประวัติ 4 แคนดิเดต ว่าที่ ‘ผบ.ตร.’ คนที่ 14 ‘เศรษฐา’ จ่อเคาะวันนี้
