General

ไทยเรียกร้องโลก ลงทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามากขึ้น ป้องกันการระบาดใหญ่

ไทยเรียกร้องโลก ลงทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามากขึ้น เพื่อป้องกัน เตรียมพร้อม และตอบสนองต่อการระบาดใหญ่

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมระดับสูงของสมัชชาสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องการป้องกัน การเตรียมความพร้อม และการตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ (PPPR) ในห้วงการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78

หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า

ในการประชุมครั้งนี้ มี นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นพ.นิติ เหตานุรักษ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และ นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค เข้าร่วมประชุมด้วย

ทั้งนี้ นายปานปรีย์ ได้ร่วมกล่าวถ้อยแถลง เรียกร้องให้โลกลงทุนมากขึ้น เพื่อส่งเสริมหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เร่งเจรจาจัดทำตราสารระหว่างประเทศในประเด็นดังกล่าว ภายใต้องค์การอนามัยโลก และพัฒนาความร่วมมือด้านการป้องกัน เตรียมพร้อม และตอบสนองโรคระบาดอย่างสร้างสรรค์และมีสำนึกต่อส่วนรวม โดยมีรายละเอียดดังนี้

ปานปรีย์1

ประเทศไทยมีความเห็นสอดคล้องกับแถลงการณ์ของอาเซียนที่เวียดนามส่งมา และเน้นย้ำว่าโรคโควิด-19 ไม่เพียงแต่เป็นวิกฤตด้านสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นความท้าทายหลายมิติที่ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อเศรษฐกิจและสังคม

นอกจากนี้ แม้ว่าจะไม่ใช่ภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพระดับโลกอีกต่อไป แต่ยังคงมีความสำคัญสูงสุดสำหรับประเทศไทย ในการป้องกัน การเตรียมความพร้อม และการตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ (PPPR ) โดยประเทศไทยได้กำหนดลำดับความสำคัญที่สำคัญหลายประการ ดังนี้

1. หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (UHC)

ไทยสนับสนุนให้เพิ่มการลงทุนในหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ทั้งในช่วงเวลาปกติและภาวะฉุกเฉิน ซึ่งเป็นเครื่องรับประกันว่า ระบบสุขภาพจะให้ความคุ้มครองทางสังคม ส่งเสริมความยุติธรรมทางสังคม และรักษาความเสมอภาคด้านสุขภาพ

ต่างประเทศ

2. การเสริมสร้างการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล

ประเทศไทยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเพิ่มขีดความสามารถของประเทศกำลังพัฒนา โดยการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของระบบการดูแลสุขภาพ

3. สนธิสัญญาโรคระบาดและกฎอนามัยระหว่างประเทศ

ประเทศไทยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรับรองข้อตกลงที่เข้าถึงได้ และเป็นข้อสรุปสำหรับการป้องกันการระบาดใหญ่ ผ่านการสร้างสนธิสัญญาการระบาดใหญ่ และการแก้ไขกฎอนามัยระหว่างประเทศ ภายใต้องค์การอนามัยโลก (WHO)

4. ความมั่นคงและการพัฒนาด้านสุขภาพโลก

ประเทศไทยตระหนักดีว่าการพัฒนาเป็นส่วนสำคัญต่อความมั่นคงด้านสุขภาพโลก และเรียกร้องให้มีกระบวนทัศน์ใหม่ของความร่วมมือหลังสถานการณ์โควิด-19 โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการจัดหาเงินทุนด้านสุขภาพด้านนวัตกรรมทั้งในระดับในประเทศและต่างประเทศ

5.การเข้าถึงเทคโนโลยี

ประเทศไทยกล่าวถึงการมีส่วนร่วมในการเข้าถึงเทคโนโลยีเกี่ยวกับโรคโควิด-19 โดยได้รับใบอนุญาตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ฉบับแรกจากบริษัทยาเอกชน ความพยายามนี้เป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีและเป็นหุ้นส่วนที่เป็นแบบอย่าง

ปานปรีย์2
ปานปรีย์ พหิทธานุกร

นายปานปรีย์ ระบุว่า ประเทศที่เจริญรุ่งเรืองอย่างแท้จริงนั้น สร้างขึ้นจากประชากรที่มีสุขภาพดี ประเทศไทยเรียกร้องให้มีความพยายามร่วมกันในการปรับปรุงการเตรียมพร้อมของโลก สำหรับการระบาดใหญ่ในอนาคต และเน้นย้ำถึงความสำคัญของความมุ่งมั่นที่เข้มแข็ง ความสามัคคี ความร่วมมือ และความร่วมมือเพื่อประโยชน์ส่วนรวม

ในโอกาสนี้ ที่ประชุมได้รับรองปฏิญญาทางการเมือง ว่าด้วยเรื่องการป้องกัน การเตรียมความพร้อม และการตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ (Pandemic Prevention, Preparedness and Response: PPPR) ซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญในการยกระดับความร่วมมือในการเสริมสร้างความมั่นคงทางสุขภาพ

ทั้งนี้จากข้อมติสหประชาชาติ UNGA 76/301 และ 77/275 ได้กำหนดให้มีการจัดการประชุมระดับสูงว่าด้วยเรื่องการป้องกัน การเตรียมความพร้อม และการตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ (HLM on PPPR) ในวันที่ 20 กันยายน 2566 ในห้วงการประชุม UNGA78 ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

นอกจากนี้ ประธานสมัชชาสหประชาชาติ ยังได้แต่งตั้งราชอาณาจักรโมร็อกโกและรัฐอิสราเอล ทำหน้าที่ผู้ประสานงานร่วม (co-facilitators) เพื่อขับเคลื่อนกระบวนการเตรียมการการประชุมฯ และจัดทำร่างปฏิญญาทางการเมือง ซึ่งจะเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุม HLM on PPPR

การเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวของประเทศไทย จะเป็นการส่งเสริมบทบาทนำในการร่วมกำหนดทิศทางนโยบายระหว่างประเทศ เกี่ยวกับเรื่องการป้องกัน การเตรียมความพร้อม และการตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ประเทศไทยให้ความสำคัญมาโดยตลอด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo