กอนช. เผย “บิ๊กป้อม” เรียกประชุม กอนช. 16 สิงหาคม คุมแผนใช้น้ำทั่วประเทศ เสริมมาตรการรับเอลนีโญ พร้อมเกาะติดสถานการณ์น้ำอีอีซี
ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวย กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เปิดเผยว่า ในวันพุธที่ 16 สิงหาคม 2566 พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุม กอนช. เพื่อติดตามเร่งรัดมาตรการต่าง ๆ ในการบริหารจัดการน้ำทั้งประเทศในช่วงฤดูฝนนี้ ทั้งพื้นที่ที่มีความเสี่ยงอุทกภัยและขาดแคลนน้ำ
ทั้งนี้ จะมีการพิจารณามาตรการเพิ่มเติม อาทิ การขอความร่วมมือปลูกข้าวรอบเดียว ส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อย รณรงค์ทุกภาคส่วนใช้น้ำให้ประหยัดและคุ้มค่า รวมถึงแผนบริหารจัดการน้ำ 2 ปี เพื่อเก็บกักน้ำต้นทุนให้มากที่สุด ซึ่งจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้หน่วยงานเกี่ยวข้องนำไปขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
สำหรับการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ที่ครอบคลุม 3 จังหวัด คือ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจขอบประเทศ ที่หลายฝ่ายห่วงใยต่อสถานการณ์น้ำในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญที่เกิดขึ้นในขณะนี้ และจะเด่นชัดขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงกลางปี 2567 ส่งผลให้ฝนตกน้อยกว่าค่าปกติทั่วประเทศ
สำหรับ กอนช.ได้บูรณาการวางแผนรับมือเพื่อลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากภาวะขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งปี 2566/67 และช่วงต้นฤดูฝนปี 2567 รวมถึงสร้างความมั่นคงเรื่องน้ำให้กับพื้นที่ดังกล่าวอย่างยั่งยืน
การวางแผนรับมือภาวะขาดแคลนน้ำที่อาจจะขึ้นนั้น จะใช้ โครงข่ายน้ำภาคตะวันออก ที่มีอยู่ ร่วมกับมาตรการอื่น ๆ อาทิ กรมชลประทาน และบริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์วอเตอร์ จะสูบผันน้ำจากคลองพระองค์ไชยานุชิต จากแม่น้ำบางปะกง มาเก็บไว้ที่อ่างเก็บน้ำบางพระ จังหวัดชลบุรี โดยตั้งเป้าหมายสูบผันน้ำรวม 80 ล้าน ลบ.ม./ปี ขณะนี้สามารถสูบผันน้ำได้แล้ว 10.2 ล้าน ลบ.ม.
ในขณะเดียวกัน กรมชลประทานจะสูบผันน้ำจากคลองสะพานมาเก็บไว้ที่อ่างเก็บน้ำประแสร์ จังหวัดระยอง จากนั้นจะใช้อ่างเก็บน้ำประแสร์เป็นศูนย์กลาง ส่งน้ำไปยังอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่และอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล เพื่อกระจายน้ำให้กับพื้นที่อีอีซีโดยวางแผนจะสูบผันน้ำจากคลองสะพานรวม 50 ล้าน ลบ.ม. ขณะนี้สามารถสูบผันน้ำเติมอ่างเก็บน้ำประแสร์ได้แล้ว 2.65 ล้าน ลบ.ม.
อย่างไรก็ตาม เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะปฏิบัติงานไม่ได้ตามแผนที่วางไว้ กอนช.ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มการบริหารจัดการความเสี่ยง โดยให้กรมชลประทานวางแผนผันน้ำส่วนเกินจากลุ่มน้ำคลองวังโตนด จังหวัดจันทบุรี มายังอ่างเก็บน้ำประแสร์อีกทางหนึ่งด้วย
ขณะที่ระบบท่อผันน้ำที่มีอยู่ มีศักยภาพในการผันน้ำได้ประมาณปีละ 70 ล้าน ลบ.ม. สามารถลดความเสี่ยงที่อ่างเก็บน้ำประแสร์ และลดการขาดแคลนน้ำต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งให้วางแผนการใช้น้ำจากแหล่งอื่นเข้ามาเสริม เช่น การขอซื้อน้ำจากแหล่งน้ำของภาคเอกชน เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ให้ชะลอการขุดลอกอ่างเก็บน้ำพื้นที่โครงข่ายน้ำภาคตะวันออก เพื่อลดปัญหาความขุ่นของน้ำให้ปริมาณน้ำที่มีอยู่สามารถใช้การได้ และลดภาระการใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำบางพระที่มีจำนวนค่อนข้างน้อยอยู่แล้วมาทดแทน
พร้อมกันนี้ ได้เร่งรัดโครงการของภาครัฐ เช่น โครงการระบบประปาจากอ่างเก็บน้ำคลองหลวงรัชชโลทร และโครงการระบบส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ มายังพื้นที่ปลวกแดง บ่อวิน เพื่อลดการใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำบางพระ รวมทั้งให้ประสานภาคเอกชนที่บริหารจัดการน้ำทั้ง 2 รายให้มีการหารือเชิงพาณิชย์ร่วมกันในบางจุด เช่น แหลมฉบัง บ่อวิน ปลวกแดง เป็นต้น
กอนช.จะติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ให้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ทันท่วงที พร้อมทั้งได้ทำหนังสือแจ้งส่วนราชการและภาคเอกชน ให้รับรู้และปฏิบัติตามมาตรการแผนป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำท่วมและน้ำแล้ง ที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เห็นชอบไว้อย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายฤดูฝนปีนี้ หากมีพายุพาดผ่านประเทศไทยอีก 1-2 ลูก ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์ไว้ จะทำให้สถานการณ์เสี่ยงการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก รวมทั้งภูมิภาคอื่นๆ คลี่คลายลงอย่างแน่นอน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- กรมชลฯ เผยน้ำ 4 เขื่อนลุ่มเจ้าพระยา อยู่ในเกณฑ์ ‘น้อยมาก’ ขอเกษตรกร ‘งดทำนาปีต่อเนื่อง’
- กรมชลฯ เตรียมรับมือ พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก น้ำล้นตลิ่ง 12-18 ส.ค. คาดฝนตกหนัก
- กรมชลฯ คุมใช้น้ำเคร่งครัด เผย 5 เขื่อนมีน้ำน้อยแค่ 30% เน้นใช้อุปโภค บริโภค และรักษาระบบนิเวศเท่านั้น