General

เร่งกำหนดพื้นที่ปลูกและสกัด ‘ฝิ่น-เห็ดขี้ควาย’ ผลิตมอร์ฟีน ยาต้านซึมเศร้า ทดแทนนำเข้า

​รัฐบาล ดันพระราชกฤษฎีกากำหนดพื้นที่ทดลองเพาะปลูก สกัดสารสำคัญจากฝิ่นและพืชเห็ดขี้ควาย เพื่อการผลิตมอร์ฟีนและยาต้านซึมเศร้า ทดแทนนำเข้า

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาในประเทศ เพื่อให้เกิดการผลิตสินค้า ตลอดจนยาและเวชภัณฑ์ทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ

ผลิตมอร์ฟีน

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้อนุมัติร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดพื้นที่ทดลองเพาะปลูกและสกัดสารสำคัญจากฝิ่น และกำหนดพื้นที่ทดลองปลูกและสกัดสารสำคัญจากพืชเห็ดขี้ควาย เพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิจัย

สาระสำคัญของกฎหมาย ได้กำหนดพื้นที่ทดลองเพาะปลูก และสกัดสารสำคัญจากฝิ่นและเห็ดขี้ควาย ตลอดจนมาตรการควบคุม และตรวจสอบการเพาะปลูก และสารสำคัญจากพืชดังกล่าว

สำหรับพื้นที่ทดลองปลูก กำหนดเป็นในวิทยาลัยป้องกันและปราบปรามยาเสพติดระหว่างประเทศ สำนักงาน ป.ป.ส. ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ส่วนการทดลองสกัดมอร์ฟีนจากฝิ่นเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์นั้น ให้ดำเนินการในพื้นที่องค์การเภสัชกรรม 2 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร และปทุมธานี

ไตรศุลี ไตรสรณกุล
ไตรศุลี ไตรสรณกุล

ในร่างพระราชกฤษฎีกา ยังได้เพิ่มเติมพื้นที่ทดลองเพาะเห็ดขี้ควาย เพื่อการศึกษาวิจัยให้ครอบคลุมทั้ง 4 ภูมิภาคในพื้นที่ของสถาบันการศึกษาที่มีความพร้อม เพื่อให้ประเทศไทยมีการศึกษาวิจัยการนำพืชฝิ่น หรือเห็ดขี้ควาย ไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ที่เป็นยาเพื่อใช้ในการบำบัดรักษาผู้ป่วยมะเร็ง ยาต้านการซึมเศร้า หรือผู้ป่วยที่จำเป็นอื่น ภายใต้มาตรการควบคุม และลดการนำเข้ายาประเภทมอร์ฟีนจากต่างประเทศในอนาคต

ปัจจุบันประเทศไทยยังต้องพึ่งพาการนำเข้ามอร์ฟีนจากต่างประเทศ เนื่องจากขาดองค์ความรู้จากการวิจัยในการนำพืชฝิ่นมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ โดยในช่วงปี 61-63 ไทยมีการนำเข้ามอร์ฟีนมูลค่ารวม 400.4 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ยังขาดองค์ความรู้ และผลการศึกษาวิจัยในการนำเห็ดขี้ควายมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เนื่องจากพืชเห็ดขี้ควายจัดเป็นยาเสพติดให้โทษและมีการควบคุมที่เข้มงวด ทำให้นักวิจัยไม่สามารถดำเนินการศึกษาวิจัยได้

เห็ด

การออกพระราชกฤษฎีกาฯ นี้ จะเปิดโอกาสให้มีการศึกษา และพัฒนาต่อยอดที่สำคัญสอดคล้องกับการศึกษาในต่างประเทศ ที่พบว่ามีสารเคมีสำคัญ 2 ชนิดที่อยู่ในเห็ดขี้ควาย คือ สารไซโลไซบิน (Psilocybin) และสารไซโลซีน (Psilocin) ที่มีข้อบ่งชี้และโอาสในการนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์เพื่อพัฒนายาต้านการซึมเศร้าได้

ทั้งนี้ หากการวิจัยและพัฒนาประสบความสำเร็จ จะนำไปสู่การพัฒนายารักษาโรคได้เองในประเทศ เช่นการผลิตมอร์ฟีน ลดพึ่งพาการนำเข้า รองรับกับแนวโน้มความต้องการยาเพื่อรักษาผู้ป่วยที่มากขึ้นตามสถานการณ์ผู้ป่วยด้านสุขภาพจิตในไทย ที่ระหว่างปี 58-63 มีผู้ป่วยที่มีภาวะซึมเศร้าเข้ารับการรักษาถึง 1,758,861 คนและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องด้วย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo