เข้าพรรษา 66 ถือโอกาส “เลิกเหล้า” ต้องไปที่ไหน ทำอย่างไร? หมอย้ำ อย่าเลิกดื่มเองในทันที เป็นอันตราย!!
นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า สุรา คือ เครื่องดื่มที่มีเอทิลแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบที่สำคัญ ออกฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง เมื่อดื่มสุราเข้าสู่ร่างกายจะทำให้เกิดพิษต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ผลต่อสมอง ทำให้สมองเสื่อม ความคิด ความจำบกพร่อง การตัดสินใจและการใช้เหตุผลผิดพลาด ผลต่อตับในระยะแรกจะเกิดไขมันสะสมในตับ ต่อมาจะเกิดภาวะตับอักเสบ และภาวะตับแข็งตามมา ผลต่อระบบทางเดินอาหาร
ดื่มสุรา ส่งผลเสียถึงชีวิต
ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ เกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบ เลือดออกในกระเพาะอาหาร ซึ่งถ้ามีเลือดออกมากอาจทำให้ช็อกและเสียชีวิตได้ ผลต่อระบบสืบพันธุ์ ทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และยังส่งผลต่อระบบอื่น ๆของร่างกายอีกมากมาย ทำให้เกิดภาวะผิดปกติตามมา เช่น ภูมิคุ้มกันต่ำลง เกลือแร่ในร่างกายขาดความสมดุล
โดยพิษของสุราแบบเฉียบพลัน ทำให้ผู้ดื่มขาดสติ ควบคุมตัวเองไม่ได้ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือเกิดการทะเลาะวิวาทได้ง่าย พิษของสุราแบบเรื้อรัง ผู้ดื่มจะหมกมุ่นในการหาสุรามาดื่มตลอดเวลา ทำให้สุขภาพร่างกายทรุดโทรม ขาดความรับผิดชอบ การทำหน้าที่ในชีวิตบกพร่อง เสียสุขภาพและเสียสัมพันธภาพกับคนในครอบครัวรวมถึงสูญเสียหน้าที่การทำงาน
การดื่มสุรานอกจากส่งผลต่อสุขภาพของผู้ดื่มเองแล้วยังส่งผลกระทบต่อสังคมในอีกหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น การทะเลาะวิวาท ทำร้ายตนเอง ทำร้ายผู้อื่น และที่ชัดเจนที่สุด คือ การดื่มแล้วขับขี่ยานพาหนะซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เกิดการบาดเจ็บและอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ นอกจากนี้การดื่มแล้วขับยังมีความผิดต้องรับโทษและถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
เลิกเหล้าต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
นายแพทย์สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาประจำปี 2566 นี้ ขอเชิญชวนประชาชนคนไทย ลด ละ เลิก ดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพื่อสุขภาพที่ดีของตนเอง ซึ่งการลดปริมาณการดื่มสุราลงจะทำให้ผู้ดื่มมีสุขภาพดีขึ้น ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ก็ลดลง รวมถึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ผู้ดื่มสามารถเลิกดื่มสุราได้ในอนาคต
ทั้งนี้ผู้ดื่มไม่ควรหยุดดื่มเองทันที ซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายได้ ควรหยุดดื่มภายใต้การดูแลของแพทย์ โดยสามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่ สายด่วนบำบัดยาเสพติด 1165 หรือ เข้ารับการบำบัดรักษาอาการติดสุราได้ที่สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) กรมการแพทย์ จังหวัดปทุมธานี และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ในส่วนภูมิภาคทั้ง 6 แห่ง
- โรงพยาบาลธัญญารักษ์เชียงใหม่
- โรงพยาบาลธัญญารักษ์แม่ฮ่องสอน
- โรงพยาบาลธัญญารักษ์ขอนแก่น
- โรงพยาบาลธัญญารักษ์อุดรธานี
- โรงพยาบาลธัญญารักษ์สงขลา
- โรงพยาบาลธัญญารักษ์ปัตตานี
การบำบัดรักษาอาการติดสุรา มี 2 รูปแบบ คือ แบบผู้ป่วยนอกและแบบผู้ป่วยใน การบำบัดแบบผู้ป่วยนอกเหมาะสำหรับผู้ติดสุราไม่รุนแรงมาก สามารถรับประทานยาเองและควบคุมการหยุดดื่มได้ ไม่มีภาวะแทรกซ้อนทางกายหรือทางจิตที่รุนแรง หลังจากบำบัดอาการถอนพิษสุราแล้ว จะได้รับการนัดเข้าร่วมกิจกรรมบำบัด เพื่อส่งเสริมการหยุดดื่มอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการบำบัดแบบผู้ป่วยใน เหมาะสำหรับผู้ติดสุราที่ไม่สามารถควบคุมการดื่มได้ แพทย์จะบำบัดรักษาอาการถอนพิษสุราและภาวะแทรกซ้อน จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพเพื่อฟื้นฟูกระบวนการคิด ฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและจิตใจควบคู่กันไป เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองได้ และเลิกดื่มได้อย่างต่อเนื่อง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.pmnidat.go.th
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- แนะใช้ ‘ศาสตร์แผนไทย’ดูแลสุขภาพ รับมือ ‘เอลนีโญ’
- แผน 5 ปี ‘แพทย์แผนไทย’ หนุน ‘บริโภคสมุนไพรในประเทศ’ เพิ่มขึ้น เป็น 1 ใน 3 ของเอเชีย ในปี 70
- สธ. ตั้งเป้าปี 66 ดึงจุดแข็ง ‘แพทย์ แผนไทย’ ต่อยอดสร้างรายได้ ‘ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ’