คอตกนอนคุก “เเจ๊บ” ใช้ไม้เบสบอลตีหลานสาวอายุ 12 ปี นำร่างยัดถังน้ำแข็งฝังโบกปูน ไร้ญาติประกัน!
ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.บางเขน คุมตัวนายยุทธนา มาดี หรือ แจ๊บ อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาคดีทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงเเก่ความตาย ลอบฝังซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตายหรือสาเหตุการตาย และ พ.ร.บ.เสพยาเสพติดให้โทษประเภท1 โดยผิดกฎหมาย มายื่นคำร้องฝากขังครั้งเเรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งเเต่วันที่ 6 -17 ก.ค.นี้เนื่องจากยังต้องรอสอบสวนพยานอีก 5 ปาก เเละผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง ผลตรวจรายนิ้วมือประวัติต้องโทษผู้ต้องหา และอื่นๆ
โดยพนักงานสอบสวน ระบุพฤติการณ์สรุปว่าเมื่อวันที่ 2 ก.ค.66 นายยุทธนา ผู้ต้องหาได้ใช้ไม้เบสบอล สีแดง ความยาวประมาณ 2 ฟุต ทุบตีทำร้ายร่างกาย ด.ญ. ปีใหม่ อายุ12 ปี หลานสาว หลายครั้งหลายหน เป็นเหตุให้ ด.ญ.ปีใหม่ ถึงแก่ความตาย หลังจากนั้น ผู้ต้องหา ได้นำร่างใส่ถังน้ำแข็งสีน้ำเงิน นำดินมากลบ และใช้ปูนซิเมนต์โบกทับอีกชั้นหนึ่งเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย และซุกซ่อน ไว้ในห้องครัวภายในบ้านพักของผู้ต้องหา
ต่อมาน.ส.นิรมล พรหมคุณ หรือมิ้นท์ ภรรยาผู้ต้องหาได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.บางเขน จึงได้ดำเนินการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับ นายยุทธนาผู้ต้องหา ต่อมา เมื่อวันที่ 4 ก.ค.66 กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัว นายยุทธนาได้ที่บริเวณโรงเเรมซอยอินทามาระ กรุงเทพมหานคร นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ชั้นจับกุม และชั้นสอบสวนผู้ต้องหา ให้การ รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง หากปล่อยไปเกรงจะหลบหนี รวมทั้งมีผู้เสียหาย ได้ยื่นคำร้องขอคัดค้านด้วยโดยให้เหตุว่า พฤติการณ์ผู้ต้องหาโหดร้ายหากได้ประกันตัวเกรงหลบหนี ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้
ทั้งนี้ ไม่ปรากฏว่ามีญาติมายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวนายยุทธนา ผู้ต้องหาแต่อย่างใด จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวผู้ต้องหาไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯต่อไป
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘แอนนา’ เผยชีวิตในคุก ‘นารา เครปกะเทย’ ไม่เหลืออะไรเลย เพื่อนหายหมด
- เตรียมวิวาห์อีกคู่! ‘พีท กันตพร’ คุกเข่าเซอร์ไพรส์ ขอ ‘แก้มบุ๋ม’ แต่งงาน
- เปิด 11 อันดับ ‘โรคติดเชื้อสำคัญ’ WHO ประกาศให้ทั่วโลกเฝ้าติดตาม เป็น ‘ภัยคุกคาม’ สุขภาพประชากรโลก
