กรมอนามัย เปิดรับฟังความคิดเห็น “ร่างกม.คุมโฆษณาอาหารและเครื่องดื่ม” ที่ส่งผลต่อสุขภาพเด็ก หลังพบเด็กไทยอ้วนขึ้น 2 เท่าในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยในการเป็นประธานการประชาพิจารณ์ (ร่าง) พระราชบัญญัติควบคุมการตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเด็ก ผ่านระบบออนไลน์ ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานครว่า
20 ปีที่ผ่านมา เด็กไทยอ้วนขึ้นกว่า 2 เท่าตัว
จากผลการศึกษาของสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ปี 2563 พบว่าใน 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เด็กไทยมีภาวะอ้วนขึ้นมากกว่า 2 เท่า โดยเด็กอายุ 1-5 ปี มีภาวะอ้วนและเริ่มอ้วน เพิ่มขึ้น 2 เท่า จาก 5.8% เป็น 11.4% เด็กอายุ 5-14 ปี เพิ่มขึ้น 2.4 เท่า จาก 5.8% เป็น 13.9% และเด็กอายุ 15-18 ปี มีภาวะอ้วน 13.2%
ซึ่งสหพันธ์โรคอ้วนโลก (World Obesity Federations หรือ WOF) คาดการณ์ว่า ปี 2573 ประชาชนไทยที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี จะมีภาวะอ้วนและน้ำหนักเกินสูงถึง 30% ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วนและโรค NCDs และเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรในอนาคต
ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ดำเนินมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาโรคอ้วนในเด็กมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาตรการควบคุมการตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเด็ก เป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญเพื่อยุติโรคอ้วนในเด็กไทย ตามตัวชี้วัดระดับโลก (Ending childhood obesity: ECHO)
ที่ยังคงอยู่ระหว่างการปรับปรุง แก้ไขให้ครอบคลุมในทุกด้าน ทั้งด้านเทคนิคการตลาด กลไกการบังคับใช้ กำกับ ติดตาม และการประเมินผลให้เป็นรูปธรรมตามข้อเสนอแนะขององค์การอนามัยโลก
ประชาพิจารณ์ ร่างพ.ร.บ.ควบคุมการตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเด็ก
ดร.นพ.สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย ประธานการรับฟังความคิดเห็นการประชาพิจารณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมอนามัยจึงได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย ในการพัฒนา และผลักดัน (ร่าง) พ.ร.บ.ควบคุมการตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเด็ก มาตั้งแต่ปี 2564 เพื่อปกป้องเด็กไทยจากการตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ หรืออาหารและเครื่องดื่มที่มีปริมาณไขมัน น้ำตาล โซเดียมเกินเกณฑ์มาตรฐานอย่างเป็นรูปธรรม
9 มาตราหลักในร่างพ.ร.บ.
โดย (ร่าง) พ.ร.บ.ควบคุมการตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเด็ก ประกอบด้วย 9 มาตรการหลัก คือ
- ฉลาก ต้องไม่ใช้เทคนิคดึงดูดเด็ก (เช่น การ์ตูน ดารา) และควรแสดงสัญลักษณ์กำกับที่เข้าใจง่าย
- ควบคุมการแสดงความคุ้มค่าด้านราคา
- ควบคุมการจำหน่ายในสถานศึกษา ระดับต่ำกว่าอุดมศึกษา
- ควบคุม การโฆษณา ทุกช่องทาง
- ควบคุม การแลก แจก แถม ให้ ชิงโชค ชิงรางวัล ส่งฟรี
- การมอบหรือให้ สิ่งของ อุปกรณ์ ของใช้ หรืองบประมาณในการจัดกิจกรรมใดจะต้องไม่เชื่อมโยงถึงอาหารและเครื่องดื่มที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเด็ก
- การบริจาค อาหารและเครื่องดื่มที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเด็กในสถานศึกษาและสถานที่ศูนย์รวมของเด็ก
- การจัดตั้งกลุ่ม ชมรม ชุมชนออนไลน์ จะต้องไม่เชื่อมโยงถึงอาหารและเครื่องดื่มที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเด็ก
- การติดต่อ ชักชวน หรือจูงใจเด็ก ทั้งทางตรงและทางอ้อมจะต้องไม่เชื่อมโยงถึงอาหารและเครื่องดื่มที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเด็ก
ทั้งนี้ การประชาพิจารณ์จะเป็นเครื่องมือในการรับฟังความเห็นจากภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และภาควิชาการที่เกี่ยวข้อง โดยมีหน่วยงานเข้าร่วมทั้งสิ้น 172 หน่วยงาน เพื่อให้ พ.ร.บ.ควบคุมการตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเด็ก มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยจะนำความเห็นของทุกภาคส่วน มาปรับใช้และพัฒนาร่างกฎหมายฉบับนี้ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาโรคอ้วนและโรค NCDs ในเด็ก
ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถร่วมประชาพิจารณ์ได้ที่ https://moph.cc/PHFOROGN สำหรับประชาชน ได้ที่ https://moph.cc/PHFORALL จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2566 และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักโภชนาการ กรมอนามัย โทร. 02 590 4941
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ด่วน! สถานเสาวภา ชวนลงทะเบียน ‘ฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก’ 4 สายพันธุ์ ฟรี เช็กรายละเอียด คลิก
- สธ. เผยเปิดเทอม เริ่มพบโควิดระบาด ในกลุ่มเด็กประถม ย้ำครูหากพบนักเรียนป่วย ให้หยุดเรียน
- จับตาโอไมครอนรุ่นหลาน ‘FU.1’ ทั่วโลกร่วมมือติดตาม เหตุแพร่เร็วกว่า ‘XBB.1.16’ 50% ไทยพบแล้ว 1 ราย