กรมชลประทาน เตรียมพร้อมรับมือหน้าฝน เปิดแผนบริหารจัดการน้ำฤดูฝนปี 2566 อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการ สำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ผ่านระบบ Video Conference ไปยังสำนักงานชลประทานที่ 1-17 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ เพื่อติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำ และแม่น้ำสายหลักต่าง ๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องและเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ต่อไป
ดร.ธเนศร์ เปิดเผยว่า ปัจจุบัน (22 พ.ค. 2566) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกัน 41,774 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 55% ของความจุอ่างฯ รวมกัน สามารถรองรับน้ำรวมกันได้อีกประมาณ 34,563 ล้าน ลบ.ม.
สำหรับเฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 12,328 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 50% ของความจุอ่างฯรวมกัน สามารถรองรับน้ำรวมกันได้อีกประมาณ 12,543 ล้าน ลบ.ม.
จากการคาดการณ์ของ กรมอุตุนิยมวิทยา วันที่ 22-27 พฤษภาคม 2566 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง
กรมชลประทาน ได้กำชับให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ ติดตามสภาพอากาศและสภาพฝนอย่างใกล้ชิด และนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อวางแผนกำหนดแนวทางการบริหารจัดการน้ำในฤดูฝนให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมสนับสนุนเครื่องจักร เครื่องมือ เข้าไปดำเนินการกำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างต่อเนื่อง
พร้อมเน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนปฏิบัติตามมาตรการบริหารจัดการน้ำฤดูฝนปี 2566 ที่กรมชลประทานกำหนดไว้ ได้แก่
1. จัดสรรน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศให้เพียงพอตลอดทั้งปี
2. บริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด
3. ส่งเสริมให้เกษตรกรใช้น้ำฝนเป็นหลักในการเพาะปลูก
4. กักเก็บน้ำในเขื่อน รวมไปถึงแหล่งน้ำต่างๆ ให้มากที่สุด
5. วางแผนป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตาม 12 มาตรการรับมือฤดูฝน ของกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) อย่างเคร่งครัด
แผนงานดังกล่าว เพื่อให้ปริมาณน้ำที่มีอยู่เพียงพอสำหรับทุกกิจกรรม และลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนให้มากที่สุด
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- กรมชลฯ เร่งเก็บกักน้ำ รับมือ ‘เอลนีโญ’ ควบคู่เตรียมพร้อมรับมือฤดูฝน วอนงดทำนาปรังรอบ 2
- กรมชลฯ จ้างงานพุ่ง 5 หมื่นคน ยังเหลืออีก 3.6 หมื่นคนจากเป้าหมาย 8.6 หมื่นคน