กรมควบคุมโรค กรมปศุสัตว์ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมลงนามแสดงเจตนารมณ์เฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคไข้หวัดนก
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดี กรมควบคุมโรค นายสัตวแพทย์ สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ และนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และเครือข่ายศูนย์ประสานงานสุขภาพหนึ่งเดียว ร่วมลงนามแสดงเจตนารมณ์ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคไข้หวัดนก ภายใต้แนวคิดสุขภาพหนึ่งเดียว
การร่วมลงนามดังกล่าว มีขึ้นในการประชุมคณะทำงานศูนย์ประสานงานสุขภาพหนึ่งเดียว (Coordinating Unit for One Health) ครั้งที่ 1/2566 เพื่อเตรียมการรับมือไข้หวัดนก (H5N1)
นายแพทย์ธเรศ กล่าวว่า มีการติดตามสถานการณ์การระบาดของไข้หวัดนก ทั้งในคนและในสัตว์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด พร่อมจัดทำหนังสือแจ้งไปยังสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1-12 และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และขอความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์การป้องกันไข้หวัดนกให้ประชาชนรับทราบอย่างทั่วถึง
ขณะเดียวกัน ให้มีการเตรียมความพร้อมตอบโต้ภาวะฉุกเฉินกรณีโรคไข้หวัดนก โดยเฉพาะบริเวณด่านช่องทางเข้า-ออก ระหว่างประเทศซึ่งมีพื้นที่ชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน
จากสถานการณ์การระบาดของไข้หวัดนกทั่วโลกทั้งในสัตว์ปีกและคน ที่มีแนวโน้มการรายงานสูงขึ้น ร่วมกับมีการรายงานผู้ป่วยไข้หวัดนกในประเทศเพื่อนบ้าน คือกัมพูชา 2 ราย
สำหรับประเทศไทย แม้ว่าจะมีรายงานไข้หวัดนกในคนรายล่าสุดเมื่อปี 2549 อย่างไรก็ตามจากการประเมินความเสี่ยงของสถานการณ์การระบาด ประเทศไทยมีความเสี่ยงที่ไข้หวัดนกอาจจะกลับมาระบาดในประเทศไทยอีกครั้ง
จากการรวบรวมข้อมูล พบผู้ป่วยไข้หวัดนก H5N1 รายแรกในปี 2547 และรายสุดท้ายในปี 2549 รวม 25 ราย มีผู้เสียชีวิต 17 ราย คิดเป็นอัตราป่วยเสียชีวิตที่ค่อนข้างสูง
อย่างไรก็ตาม โรคนี้สามารถป้องกันได้ โดยการปฏิบัติตามคำแนะนำในการป้องกันโรค โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดกับสัตว์ปีก หรือสถานที่ที่มีสัตว์ปีก และบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ควรได้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ปีละ 1 เข็ม
ปัจจุบันยังไม่พบผู้ป่วยไข้หวัดนกในประเทศไทย และยังไม่มีรายงานการพบไข้หวัดนกในสัตว์ปีกในประเทศไทยในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 กรมควบคุมโรค ได้มีการประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์การระบาดของไข้หวัดนก ได้แก่ กรมการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกรมควบคุมโรค มาหารือร่วมกัน ในประเด็นเกี่ยวกับ
1. สถานการณ์การระบาดของไข้หวัดนก
2. ความพร้อมในการตรวจวินิจฉัยไข้หวัดนก
3. แนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยไข้หวัดนก
4. การเฝ้าระวังในชุมชนโดยเครือข่าย อสม.
กรมควบคุมโรค ยังมีการเฝ้าระวังร่วมกับกรมอุทยานฯ เฝ้าระวังร่วมกับจังหวัดชายแดนไทยกัมพูชา ให้มีการตรวจตราผู้เดินทาง และร่วมกับกรมปศุสัตว์ ดูแลการนำเข้าสัตว์จากชายแดน ร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ติดตามสัตว์ป่วยในพื้นที่โดยเฉพาะสัตว์ปีกอีกด้วย
ขณะเดียวกัน กรมควบคุมโรคได้ดำเนินการมาตรการซึ่งสอดคล้องกับคำแนะนำตามประกาศขององค์การอนามัยโลก ได้แก่
1. ติดตามสถานการณ์การระบาดของไข้หวัดนกในต่างประเทศ รวมถึงเฝ้าระวังโรคภายในประเทศ ทั้งในคนและในสัตว์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด
2. ประเมินความเสี่ยงสถานการณ์โรคเป็นระยะ หากมีแนวโน้มจะเกิดการระบาดของโรค จะแจ้งไปยังสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1-12 และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด พร้อมทั้งขอความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์การป้องกันโรคไข้หวัดนกให้ประชาชนรับทราบอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว พร้อมทั้งให้คำแนะนำแก่ผู้เดินทางไปพื้นที่ที่มีรายงานผู้ป่วยหรือสัตว์ปีกติดเชื้อ
3. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน กรณีไข้หวัดนก ระดับจังหวัด
ขอเน้นย้ำให้ประชาชนเฝ้าระวังและป้องกันตนเอง โดยการรับประทานเนื้อไก่และไข่ที่ปรุงสุก หากพบสัตว์ปีกป่วยหรือตายจำนวนมาก ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์หรือผู้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ต้องไม่นำสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตายออกมาจำหน่าย และให้ดำเนินการตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด
หากมีอาการไข้ ไอ ปวดเมื่อยตามร่างกาย หายใจลำบาก หรือหอบเหนื่อย และมีประวัติสัมผัสสัตว์ปีก ให้รีบพบแพทย์และแจ้งประวัติสัมผัสสัตว์ปีก สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ผวาหนัก! ผู้เชี่ยวชาญชี้ ‘ไวรัสไข้หวัดนก’ ที่คร่าชีวิตเด็กหญิงกัมพูชา เป็น ‘เชื้อกลายพันธุ์’
- ‘อนามัยโลก’ ชี้ ความเสี่ยง ‘ไข้หวัดนก’ ในกัมพูชาอยู่ในระดับต่ำ
- ‘อนามัยโลก’ เป็นห่วง! ไข้หวัดนกระบาด เร่งประเมินความเสี่ยง