“กองทัพเรือ” สรุปรายชื่อผู้สูญหายจากเหตุ ‘เรือหลวงสุโขทัย’ อัปปางทั้ง 23 นาย เตรียมส่งยานสำรวจใต้น้ำสำรวจ ‘เรือหลวงสุโขทัย’ ค้นหาผู้สูญหาย!
พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยถึงแผนการปฏิบัติการค้นหาและให้การช่วยเหลือกำลังพลบนเรือหลวงสุโขทัยที่อับปางอ่าวไทยว่า สำหรับการปฏิบัติการในการค้นหาและช่วยเหลือกำลังพลเรือหลวงสุโขทัย ในวันนี้ ทางศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ ได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือภาคที่ 1 จัดเรืออากาศยานของกองทัพเรือและได้ประสานกับกองทัพอากาศ รวมถึงศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ตลอดจนหน่วยงานอื่น ๆ เข้าร่วมในการค้นหา
แผนปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหาย
ซึ่งพื้นที่ในการปฏิบัติการได้คำนวนจากทิศทางของกระแสน้ำ และกระแสลมรวมทั้งบริเวณที่ตรวจพบและช่วยเหลือกำลังพลเรือหลวงสุโขทัยล่าสุดนำมาพิจารณาพื้นที่ ที่เป็นไปได้ว่ากำลังพลที่เหลือจะอยู่ตรงบริเวณดังกล่าว
โดยในวันนี้ ยังคงแบ่งพื้นที่ปฏิบัติการออกเป็น 11 พื้นที่ มีเรือและอากาศยาน รับผิดชอบการค้นหาในพื้นที่ต่าง ๆ ดังนี้
- เรือหลวงตากสิน อยู่ในพื้นที่ค้นหาที่ 5
- เรือหลวงนเรศวร อยู่ในพื้นที่ค้นหาที่ 9 และทำหน้าที่ควบคุมอากาศยาน
- เรือหลวงกระบุรี อยู่ในพื้นที่ค้นหาที่ 10 และ 11
- เรือหลวงนราธิวาส อยู่ในพื้นที่ค้นหาที่ 12
- เรือ ต.114 ลาดตระเวนเฝ้าตรวจ บริเวณหมู่เกาะอ่างทอง
- เรือ ต.270 อยู่ในพื้นที่ค้นหาที่ 14
ส่งยานสำรวจใต้น้ำ
ในส่วนของการปฏิบัติการของอากาศยาน เครื่องบินลาดตระเวนทางทะเลแบบดอร์เนีย จากทัพเรือภาคที่ 1 ทัพเรือภาคที่ 2 และทัพเรือภาคที่ 3 ทำการค้นหาในพื้นที่ค้นหา 6 และ 10 โดยมี เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำแบบซีฮอว์ค และ เฮลิคอปเตอร์ แบบ EC-725 ของกองทัพอากาศ รอรับการส่งกำลังบำรุงในบริเวณพื้นที่ปฏิบัติการ นอกจากนั้น จะมีกำลังทางเรือของหน่วยงานต่าง ๆ ในศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ประกอบด้วย ตำรวจน้ำ กรมเจ้าท่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึง กรมประมง ร่วมปฏิบัติการค้นหาในพื้นที่บริเวณชายฝั่ง
ส่วนการสำรวจใต้น้ำนั้น กองทัพเรือ ได้สั่งการให้กองเรือทุ่นระเบิด กองเรือยุทธการ นำยานสำรวจใต้น้ำของเรือหลวงบางระจัน ทำการบันทึกภาพใต้น้ำบริเวณเรือหลวงสุโขทัยอับปาง เพื่อค้นหาร่างของกำลังพลที่อาจติดค้างอยู่ภายในเรือ รวมถึงการตรวจหารอยรั่วของน้ำมันที่อาจเกิดการรั่วไหล
สรุปรายชื่อผู้สูญหาย
สรุปยอดกำลังพลบนเรือหลวงสุโขทัย จำนวน 105 นาย ช่วยเหลือได้แล้ว 76 นาย เสียชีวิต 6 นาย ยังคงสูญหาย 23 นาย ประกอบด้วย
- ว่าที่ น.ต. พลรัตน์ สิโรดม
- จ.อ. ไพร ร่วมญาติ
- พ.จ.อ. จิราวัฒน์ เจริญศิลป์
- จ.อ. บุญเลิศ ทองทิพย์
- จ.อ. ชูชัย เชิดชิด
- จ.ท. ธวัชชัย สาพิราช
- จ.ท. สหรัฐ อีสา
- จ.ต. นพณัฐ คำวงศ์
- จ.ต. สถาพร สมเนื้อ
- จ.ต. ศราวุธ นาดี
- จ.ต. ศุภกิจ ทิวาลัย
- จ.ต. โสภณ วงษ์สนิท
- จ.ต. สิริธิติ งามทอง
- พลทหาร วรพงษ์ บุญละคร
- พลทหาร อับดุลอาชีด มะแอ
- พลทหาร สุทธิพงษ์ หงส์ทอง
- พลทหาร จำลอง แสนแก
- พลทหาร ทวีศักดิ์ แซ่เชียว
- พลทหาร จิราวัฒน์ ธูปหอม
- พลทหาร ปรีชา รักษาภักดี
- พลทหาร ชลัช อ้อยทอง
- พลทหาร ชัยชนะ ช่างวาด
- พันจ่าเอก คุณากร จริยศ
รายชื่อผู้เสียชีวิตทั้ง 6 นาย
- ร.ท. สามารถ แก้วผลึก
- พ.จ.อ. สมเกียรติ หมายชอบ
- พ.จ.อ. อัชชา แก้วสุพรรณ์
- พ.จ.อ. อำนาจ พิมที
- จ.อ.กรพงค์ พูนผล
- พลทหาร อัครเดช โพธิ์บัติ
โดยวันนี้ กองทัพเรือจะเคลื่อนร่างของกำลังพลทั้ง 6 นาย เดินทางกลับอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยเครื่องบิน C-130 ของกองทัพอากาศ จากกองบิน 5 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีกำหนดเดินทางถึงสนามบินอู่ตะเภา ในเวลา 14.30 น. ซึ่ง พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ จะเป็นประธานในพิธีรับกำลังพลที่เสียชีวิต โดยพิธีจะเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับอย่างสมเกียรติ และในเวลา 17.00 น. จะมีการประกอบพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ โดยผู้เสียชีวิตทั้ง 6 นาย ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ศพอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ โดยตั้งบำเพ็ญกุศลฯ กิจการฌาปนสถานกองทัพเรือ สัตหีบ
สำหรับสิทธิกำลังพลผู้เสียชีวิตนั้น กรณีนี้กองทัพเรือถือว่ากําลังพลดังกล่าวเป็นผู้ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ จะพิจารณาบําเหน็จด้านสิทธิกําลังพลสูงสุดให้แก่กําลังพลดังกล่าว โดยจะพิจารณาเลื่อนชั้นเงินเดือน 3-5 ชั้น กับขอพระราชทานเลื่อนยศ 2-4 ชั้นยศ รวมทั้งเงินช่วยเหลืออื่น ๆ ตามสิทธิที่สมควรจะได้รับ โดยแยกเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้
ชั้นยศ นาวาตรี
- จะขอพระราชทานเลื่อนยศเป็น พลเรือโท กับได้รับสิทธิกําลังพล ประกอบด้วย เงินประกันภัยหมู่แบบเฉพาะกิจกองทัพเรือ 500,000 บาท เงินจากกองทุนน้ําใจไทยเพื่อผู้เสียสละกองทัพเรือ 160,0000 บาท และเงินช่วยเหลืออื่น ๆ รวมเป็นเงินประมาณ 1,200,000 บาท
ชั้นยศ เรือเอก
- จะขอพระราชทานเลื่อนยศเป็น พลเรือตรี กับได้รับสิทธิกําลังพล ประกอบด้วย เงินประกันภัยหมู่แบบเฉพาะกิจกองทัพเรือ 500,000 บาท เงินจากกองทุนน้ําใจไทยเพื่อผู้เสียสละกองทัพเรือ 160,000 บาท และเงินช่วยเหลืออื่น ๆ รวมเป็นเงินประมาณ 2 ล้านบาท
- ทั้งนี้ เป็นผู้ที่มีอายุราชการและฐานเงินเดือนสูงชั้นยศ พันจ่าเอก จะขอพระราชทานเลื่อนยศเป็น นาวาตรี กับได้รับสิทธิกําลังพล ประกอบด้วย เงินประกันภัยหมู่แบบเฉพาะกิจกองทัพเรือ 500,000 บาท เงินจากกองทุนน้ําใจไทยเพื่อผู้เสียสละกองทัพเรือ 135,000 บาท และเงินช่วยเหลืออื่น ๆ รวมเป็นเงินประมาณ 1 ล้านบาท
ชั้นยศ จ่าตรี-จ่าเอก
- จะขอเลื่อนยศและขอพระราชทานเลื่อนยศเป็น พันจ่าโท-เรือตรี กับได้รับสิทธิกําลังพล ประกอบด้วย เงินประกันภัยหมู่แบบเฉพาะกิจกองทัพเรือ 500,000 บาท เงินจากกองทุนน้ําใจไทยเพื่อผู้เสียสละกองทัพเรือ 135,000 บาท และเงินช่วยเหลืออื่น ๆ รวมเป็นเงินประมาณ 900,000 บาท
ทหารกองประจําการ
- จะขอเลื่อนยศเป็น พันจ่าตรี กับได้รับสิทธิกําลังพล ประกอบด้วย เงินประกันภัยหมู่แบบเฉพาะกิจกองทัพเรือ 500,000 บาท เงินจากกองทุนน้ําใจไทยเพื่อผู้เสียสละกองทัพเรือ 100,000 บาท และเงินช่วยเหลืออื่น ๆ รวมเป็นเงินประมาณ 600,000 บาท
ทั้งนี้ กองทัพเรือ จะเร่งรัดการดําเนินการให้กําลังพลและครอบครัวได้รับสิทธิกําลังพลเป็นไปด้วยความรวดเร็ว เพื่อเป็นการช่วยเหลือบรรเทาความเดือนร้อนในเบื้องต้นให้แก่กําลังพลและครอบครัวต่อไป
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ธรณ์’ อธิบายการตามหาผู้สูญหาย ‘เรือหลวงสุโขทัย’ ล่ม ยันทุกฝ่ายพยายามเต็มที่!
- กองทัพเรือ สรุปผลการค้นหากำลังพล เหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปาง เสียชีวิต 6 สูญหาย 23 นาย
- ‘พล.ร.ต.ทองย้อย’ ไล่เรียงประวัติศาสตร์ ลั่น!! ‘เรือรบไทยมีอาถรรพณ์’