General

สะพรึง!! พิษ PM 2.5 ทุก 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เพิ่มความเสี่ยงเสียชีวิต 4.14%

“หมอธีระวัฒน์” เตือนภัยร้ายฝุ่นจิ๋วเล็ก PM 2.5 ทุกปริมาณที่เพิ่มขึ้น 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เพิ่มความเสี่ยงของการตาย 4.14% 

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha เรื่อง ฝุ่นจิ๋วพิษเจอไม่นาน หัวใจวาย โดยระบุว่า

PM 2.5

เจอฝุ่นจิ๋วพิษ PM 2.5 และจิ๋วใหญ่ PM 10 กับ ไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) เพียงแค่วันถึงสองวัน โอกาสเสี่ยงตายสูงจากเส้นเลือดหัวใจตัน (acute MI)

เป็นการรายงานในวารสารของ สมาคมโรคหัวใจ (Journal of American College of Cardiology) วันที่ 26 มกราคม 2021 รวมทั้งบทบรรณาธิการ

ทั้งนี้ ทุก ๆ ปริมาณของฝุ่นเล็กจิ๋ว พีเอ็ม 2.5 และจิ๋วใหญ่ พีเอ็ม 10 ที่เพิ่มขึ้น 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จนกระทั่งถึงระดับ 33.3 และ 57.3 ตามลำดับ จะเสี่ยงตายต่อโรคหัวใจสูงขึ้น และเช่นเดียวกันกับความเข้มข้นของไนโตรเจนไดออกไซด์

ขนาดของเส้นผมคือ 50 ถึง 70 แต่ฝุ่นพิษจิ๋วขนาด 2.5 ดังนั้น สามารถซึมผ่านทางระบบทางเดินหายใจ จนกระทั่งเข้าไปถึงถุงลมในปอด และซึมผ่านเข้าเลือดเข้าไปในเนื้อเยื่อทั่วร่างกาย และมีผลต่อเส้นเลือด จากการกระตุ้นให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรง

การรายงานสภาพอากาศ AQI air quality index จะควบรวมปริมาณ ตั้งแต่ฝุ่นจิ๋วขนาด 2.5 ขนาด 10 และฝุ่นละอองต่าง ๆ รวมไปจนถึง คาร์บอนโมนอกไซด์ ซัลเฟอร์ และไนโตรเจนไดออกไซด์

หมอธีระวัฒน์
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา

โดย PM 2.5 ต้องระมัดระวังอย่างสูงสุดด้วย เพราะดูท้องฟ้าแล้วอาจจะดูฟ้าใสก็ได้

ทุก ๆ ปริมาณที่เพิ่มขึ้น 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ของฝุ่นจิ๋ว 2.5 จะเพิ่มความเสี่ยงของการตาย 4.14%

และสำหรับไนโตรเจนไดออกไซด์ เพิ่มความเสี่ยงในลักษณะเดียวกัน โดยมีอัตราเพิ่มขึ้นอีก 1.3%

เป็นการศึกษาในประเทศจีนในช่วงปี 2013 ถึง 2018 แต่ประเทศจีนมีการปรับตัว เตรียมการจัดการกับฝุ่นจิ๋วเหล่านี้ ตั้งแต่ปี 2011 ถึง 2012 และประสบผลสำเร็จ ในระดับหนึ่ง

ทั้งนี้ โดยเริ่มมีการติดตั้งเครื่องวัดทุก ๆ 1 ตารางกิโลเมตร โดยจะมีเครื่องวัดหนึ่งเครื่อง คอยเตือนและคอยจัดการกำจัดมลพิษเหล่านี้ ตามนโยบายเด็ดขาด จนมีความสำเร็จอยู่บ้าง

การศึกษานี้ เป็นการพิสูจน์ตอกย้ำ ข้อสังเกตก่อนหน้านี้ ที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างฝุ่นจิ๋วพิษ ที่ไม่ได้ทำร้ายปอดอย่างเดียว แต่มีผลต่อหัวใจในลักษณะเฉียบพลันด้วย และไม่ใช่เป็นในลักษณะที่เป็นผลเรื้อรังเท่านั้นแบบที่เข้าใจกัน

ภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้น และทำให้เกิดความพินาศต่อสภาพแวดล้อม ส่งผลต่อสมดุลของสิ่งมีชีวิต

ฝุ่น 1

ทั้งหมดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เช่นไฟไหม้ป่า พายุทราย ภูเขาไฟระเบิด การจงใจเผาป่าเพื่อประโยชน์ทางเกษตรกรรมอย่างอื่น และมลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้น จากการต้องการพลังงานจากการเผาถ่านหินฟอสซิล เหล่านี้เป็นตัวการสำคัญในการเกิดฝุ่นจิ๋วพิษ 2.5

ผลกระทบจากการเผาฟอสซิล เพื่อพลังงานอย่างเดียว เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอย่างน้อย 12% ทั่วโลกและถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญอันดับสี่ ในการเสียชีวิตทั้งบุรุษและสตรี และมากกว่าปัจจัยอื่นที่เกี่ยวกับไขมันสูง ระดับน้ำตาล ความอ้วน การไม่ออกกำลัง หรือภาวะไตแปรปรวนด้วยซ้ำ

การที่ต้องเผชิญกับมลภาวะเช่นนี้ ทุกนาทีทุกวันต่อเนื่องทั้งชีวิต และมลพิษที่ยังถูกปลดปล่อยออกมา จากเครื่องยนต์ จากรถ จากโรงงาน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำร้ายสุขภาพ และฝุ่นจิ๋วพิษเหล่านี้ทำให้เสียชีวิตจากโรคทางหัวใจและเส้นเลือดมากกว่า 50%

ทั้งนี้ เกิดขึ้นได้แม้ว่าระดับฝุ่นพิษเหล่านี้ จะต่ำกว่าระดับมาตรฐานที่กำหนดโดย องค์การอนามัยโลก หรือตามมาตรฐานของประเทศต่าง ๆ

ประชากรโลกมากกว่า 92% จะอยู่ในพื้นที่ ที่ค่าฝุ่นพิษและมลภาวะทางอากาศ เกินมาตรฐานองค์การอนามัยโลกมาตลอด โดยมีการประเมินว่าต้องเสียงบประมาณในการรักษาเยียวยาบำบัด สวัสดิการ เป็น ล้านล้านดอลลาร์ ที่เกี่ยวเนื่องกับการเสียชีวิตจากมลภาวะทางอากาศเหล่านี้

มลภาวะทางอากาศเหล่านี้ ทราบกันดีมานานว่า เกี่ยวข้องกับฝุ่นพิษจิ๋วเล็กและใหญ่รวมกระทั่งถึง ซัลเฟอร์ออกไซด์ และไนโตรเจนออกไซด์ และมีการศึกษาความเชื่อมโยงกับสาเหตุการตาย โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับหัวใจและระบบเส้นเลือดในประเทศทางฝั่งตะวันตก แต่ยังมีข้อจำกัดในการระบุระดับ และชนิด และขนาดของฝุ่น และผลกระทบระยะเวลาที่ส่งผลกับการตายเฉียบพลัน

ฝุ่น1

การศึกษาที่มีการรายงานครั้งนี้ มาจากพื้นที่มณฑล หูเป่ย์ และมีเมืองหลวงก็คือ อู่ฮั่น ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการระบาด โควิด-19 นั่นเอง เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีมลภาวะทางอากาศเข้มข้น และทำให้สามารถทำการศึกษา จากคนที่ตายจากโรคหัวใจ และเส้นเลือดจำนวน 151,608 ราย ค่าเฉลี่ยรายวันของฝุ่นเล็กจิ๋ว 2.5 ในมณฑลนี้

ขณะที่ในหลายพื้นที่ของประเทศจีนและอินเดียอยู่ที่ 63.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และการที่ได้รับฝุ่นพิษจิ๋วเล็ก 2.5 และจิ๋วใหญ่ขึ้นขนาด 10 ไมครอนภายในหนึ่งวัน หรือในวันนั้นเองจะส่งผลกับการตาย อย่างมีนัยยะสำคัญ

ผลที่ได้จากการศึกษานี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทุก ๆ ปริมาณที่เพิ่มขึ้น10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรของฝุ่นจิ๋ว 2.5 จะเพิ่มความเสี่ยงของการตาย 4.14% และสำหรับ ไนโตรเจนไดออกไซด์ เพิ่มความเสี่ยงในลักษณะเดียวกันโดยมีอัตราเพิ่มขึ้นอีก 1.3%

จากการวิเคราะห์ในเชิงลึกในรายงานนี้ ไม่พบความสัมพันธ์ชัดเจนกับระดับของโอโซน แต่การที่ไนโตรเจนไดออกไซด์มีส่วนในการตาย ทำให้มีการเพ่งเล็งถึงมลพิษ ที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากเครื่องยนต์ของรถเป็นพิเศษ

แน่นอน คนสูงวัยอายุตั้งแต่ 75 ปีขึ้นไปตายเยอะกว่าคนหนุ่มสาว และคนที่อายุน้อยกว่า 70 ปี แต่การตายที่ไม่สมควรเหล่านี้ พบได้ในทุกกลุ่มอายุ

การระบาดของ โควิด-19 ปรากฏผลชัดเจน จากการที่แทบไม่มีการใช้รถยนต์ และเครื่องบินโดยสาร และมีผลต่อการที่มลภาวะฝุ่นจิ๋วเล็กเหล่านี้หายไปมาก

ทั้งนี้ เป็นความฝันของมวลมนุษย์ชาติ ที่จะเห็นท้องฟ้าสีน้ำเงิน โดยเทคโนโลยีจะเป็น ซีโร่ อีมิสชั่น (zero emission) ปล่อยก๊าซเป็นศูนย์

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo