“หมอธีระ” เตือนสายพันธุ์ย่อย BQ.1.x-XBB มีโอกาสทำติดเชื้อซ้ำสูง หวั่นโควิดระบาดรอบใหม่ปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ย้ำป้องกันตัวเองต่อเนื่อง
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat หวั่นโควิดอาจปะทุรอบใหม่ปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า พร้อมอัปเดตสถานการณ์โอไมครอนทั่วโลก โดยระบุว่า
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 241,442 คน ตายเพิ่ม 807 คน รวมแล้วติดไป 634,915,989 คน เสียชีวิตรวม 6,591,543 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน อิตาลี และฝรั่งเศส
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 8 ใน 10 อันดับแรก และ 17 ใน 20 อันดับแรกของโลก
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 87.09 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 67.78
อัพเดตเกี่ยวกับ BQ.1.x-XBB
คณะที่ปรึกษาวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาของสายพันธุ์ไวรัสโควิด-19 หรือ WHO’s Technical Advisory Group on SARS-CoV-2 Virus Evolution (TAG-VE) ได้ออกแถลงการณ์หลังประชุมหารือเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2565 โดยเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์เมื่อ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา
สาระสำคัญคือ จากการทบทวนข้อมูลวิชาการจนถึงปัจจุบัน สายพันธุ์ย่อย XBB-BQ.1.x นั้น แม้จะมีการกลายพันธุ์ไปมาก แต่ยังถือว่าเป็นสายพันธุ์ Omicron โดยยังไม่มีความจำเป็นจะต้องประกาศเป็นสายพันธุ์ใหม่ และจัดอยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ที่น่ากังวล (Variant of Concern) เช่นเดิม และจะมีการติดตามข้อมูลต่อไปอย่างใกล้ชิด
สำหรับสายพันธุ์ย่อย XBB เกิดจากการผสมกันระหว่างสายพันธุ์ย่อย BA.2.10.1 และ BA.2.75 ปัจจุบันตรวจพบความชุกของ XBB ราว 1.3% กระจายไป 35 ประเทศทั่วโลก
แม้ดูเหมือนว่าความรุนแรงของโรคอาจไม่แตกต่างไปจากสายพันธุ์เดิม แต่ข้อมูลเบื้องต้นพบว่าอาจมีอัตราการติดเชื้อซ้ำ (Reinfection) สูงกว่าสายพันธุ์อื่นที่มีการระบาดอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่เคยติดเชื้อมาก่อนที่สายพันธุ์ Omicron จะระบาด
จากสมรรถนะการดื้อต่อภูมิคุ้มกันของ XBB โอกาสจะแพร่ระบาดวงกว้างนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาทิ อัตราการติดเชื้อจากการระบาดในแต่ละพื้นที่ รวมถึงระดับภูมิคุ้มกันจากการได้รับวัคซีนของประชากร
สำหรับสายพันธุ์ย่อย BQ.1.x เป็นสายพันธุ์ย่อยที่กลายพันธุ์มาจาก BA.5 ปัจจุบันมีความชุกอยู่ราว 6% กระจายไปแล้ว 65 ประเทศทั่วโลก
ข้อมูลปัจจุบันจากหลายพื้นที่ ชี้ให้เห็นว่า BQ.1.x มีสมรรถนะการขยายตัว (growth advantage) เหนือกว่าสายพันธุ์ต่างๆ ที่ระบาดอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรปและอเมริกา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
จากตำแหน่งที่กลายพันธุ์ มีแนวโน้มที่จะทำให้ไวรัสนี้ดื้อต่อภูมิคุ้มกันมากขึ้น และอาจทำให้มีอัตราการติดเชื้อซ้ำสูงขึ้นได้
ทั้งนี้พบว่า การฉีดวัคซีนที่มีอยู่ทั้งรุ่นดั้งเดิม และรุ่นใหม่แบบ Bivalent นั้น อาจได้ผลในการป้องกันการติดเชื้อ BQ.1.x ได้ลดลงกว่าเดิม แต่ยังไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการลดการป่วยรุนแรง
สำหรับคนไทย
การป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอ ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ไม่ประมาท ถือเป็นเรื่องสำคัญ
การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น จะช่วยให้เตรียมรับมือกับการระบาดใหม่ที่อาจปะทุขึ้นช่วงปลายปีนี้และต้นปีหน้า ลดโอกาสป่วยรุนแรงและเสียชีวิต และลดความเสี่ยงต่อ Long COVID
เหนืออื่นใด การใส่หน้ากากอย่างถูกต้อง ระหว่างการใช้ชีวิตประจำวันนอกบ้าน จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หมอธีระ’ เตือน!! XBB-BQ.1.1 ดื้อภูมิคุ้มกันมาก ฉีดวัคซีน 3 เข็มก็สู้ไม่ได้
- ระวัง!! ‘หมอธีระ’ เตือนสมรรถนะไวรัสกลายพันธุ์ ระบาดสูงกว่าตระกูล BA.5.x
- ‘หมอธีระ’ เตือนโควิดยังระบาดต่อเนื่อง กลายพันธุ์เพียบ ดื้อภูมิคุ้มกันมากขึ้น