COVID-19

แนวทางปฏิบัติ ‘สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย’ เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเปิดเรียน ลดเสี่ยงโควิด-19

สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ครู ผู้ปกครอง ต้องเตรียมตัวให้พร้อม ก่อนเปิดเรียน กรมอนามัย แนะแนวทางปฏิบัติ ประเมินตัวเอง Thai stop COVID Plus 

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดี กรมอนามัย กล่าวว่า ในช่วงที่ปิด สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย หลายครอบครัวจำเป็นต้องนำลูกไปที่ทำงานด้วย ทำให้เด็กต้องไปสัมผัสสิ่งแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย ทั้งจากการเดินทาง และในที่ทำงานของพ่อแม่ ทำให้เสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย

สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย

ดังนั้น การเตรียมความพร้อม ก่อนเปิดสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ในช่วงของการเฝ้าระวัง และป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 นั้น ยังคงต้องเข้มงวด และปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะ 3 กลุ่มหลัก ที่ต้องเฝ้าระวัง และป้องกันอย่างต่อเนื่อง คือ

กลุ่มที่ 1 เจ้าของสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย

ควรทำความสะอาดสถานที่ สิ่งของเครื่องใช้ จุดสัมผัสต่าง ๆ รวมถึงยานพาหนะที่ใช้รับส่ง ให้สะอาด ปลอดภัย ในช่วงที่เปิดทำการ ควรกำหนดจุดรับ-ส่งเข้าออกเฉพาะจุดเท่านั้น และไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอก เข้ามาบริเวณพื้นที่ภายใน ของศูนย์เด็กเล็ก ควรกำหนดจุดคัดกรอง วัดไข้ จุดล้างมือ ล้างเท้า และเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับเด็ก ก่อนเข้าเรียน

กลุ่มที่ 2 ครูผู้ดูแลเด็ก

จะต้องสังเกตอาการตนเอง หรือคนใกล้ชิดอยู่เสมอ หากมีไข้ ไอ เหนื่อยหอบ หรืออาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ให้หยุดงานทันที รวมทั้ง ควรเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนปฏิบัติงานทุกครั้ง สวมหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัย และใส่เฟสชิลด์ โดยเฉพาะช่วงรับส่งเด็ก

ในส่วนของการจัดกิจกรรม ควรให้เด็กอยู่ภายในกลุ่มตัวเอง หรือแยกเป็นรายบุคคล ไม่ให้ข้ามกลุ่มไปมา เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรค รวมทั้งการกินอาหาร และการนอน ต้องเว้นระยะห่าง 1-2 เมตร หรือมีฉากกั้นระหว่างบุคคล

กลุ่มที่ 3 ผู้ปกครอง 

พ่อแม่ ผู้ปกครอง ควรเตรียมของใช้ส่วนตัวของเด็ก เช่น หน้ากากผ้า เสื้อผ้า เพื่อใช้ในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยในแต่ละวัน และเมื่อมารับเด็กกลับบ้าน ไม่ควรแวะตาม สถานที่เสี่ยงต่าง ๆ ขอให้รีบกลับบ้าน และให้เด็กอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีเมื่อถึงบ้าน

แต่หากพบว่าบุตรหลานของตนเอง มีอาการป่วย มีไข้ ไอ มีน้ำมูก หรือเหนื่อยหอบ คนในครอบครัว ป่วยด้วยโรคโควิด-19 หรือกลับจากพื้นที่เสี่ยง และอยู่ในช่วงกักตัว ต้องขอให้เด็กหยุดเรียน และปฏิบัติตามคำแนะนำ ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า ก่อนเปิดเรียน ขอความร่วมมือให้สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เข้ารับการประเมินตนเองผ่าน “Thai stop COVID Plus” เพื่อเป็นการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ได้อย่างปลอดภัย รวมทั้งให้หน่วยงานต้นสังกัด ของสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ประเมินรับรอง ก่อนเปิดสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย

ส่วนครูพี่เลี้ยง และเจ้าหน้าที่ทุกคน ในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ขอให้ประเมินความเสี่ยงตนเองผ่านเว็บไซต์ “ไทยเซฟไทย” เพื่อลดการแพร่เชื้อโรคไปยังเพื่อนร่วมงาน และเด็กที่ดูแล พร้อมสนับสนุนให้ได้รับการฉีดวัคซีน รวมถึงคนในครอบครัว ที่มีเด็กปฐมวัย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันโควิด-19

ในกรณีที่พบเด็กและครอบครัวที่ติดเชื้อโควิด-19 แต่ไม่แสดงอาการ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนงานพัฒนา เด็กปฐมวัยแห่งชาติ ได้กำหนดแนวทางปฏิบัติ 4 แนวทางด้วยกัน ได้แก่

  • แนวทางที่ 1 กรณีเด็กเป็นผู้ติดเชื้อและผู้ปกครองเป็นผู้ติดเชื้อให้เข้ารับการรักษา โดยเน้นให้จัดอยู่เป็นกลุ่มครอบครัว
  • แนวทางที่ 2 กรณีเด็กเป็นผู้ติดเชื้อแต่ผู้ปกครองไม่เป็นผู้ติดเชื้อ ให้เด็กเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หรือฮอสพิเทล โดยผู้ปกครองควรอายุไม่เกิน 60 ปี และไม่มีโรคประจำตัว สามารถเข้าดูแลเด็กในสถานพยาบาลได้ แต่สำหรับโรงพยาบาลสนาม ควรจัดพื้นที่ให้เด็กและผู้ปกครองเป็นการเฉพาะ โดยแยกจากผู้ติดเชื้ออื่น ๆ เพื่อลดความเสี่ยง ที่จะสัมผัสเชื้อโรคได้
  • แนวทางที่ 3 กรณีเด็กไม่เป็นผู้ติดเชื้อแต่ผู้ปกครองเป็นผู้ติดเชื้อ ให้ญาติเป็นผู้ดูแล หากไม่มีญาติหรือผู้ดูแลเด็ก ให้ส่งเด็กไปยังสถานสงเคราะห์ หรือบ้านพักในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นผู้ดูแลต่อไป แต่ถ้าในชุมชนพบเด็กไม่มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อจำนวนมาก อาจพิจารณาใช้พื้นที่สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยในชุมชนเป็นที่ดูแลเด็ก โดยพิจารณาจากความพร้อมของสถานที่ บุคลากร และการบริการจัดการ ตามดุลพินิจคณะกรรมการป้องกันโรคจังหวัด หรือกรุงเทพมหานคร
  • แนวทางที่ 4 กรณีที่เกิดการระบาดเป็นกลุ่มก้อน ในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ให้คณะกรรมการป้องกันโรคจังหวัด หรือกรุงเทพมหานคร พิจารณาให้เหมาะสมตามบริบท เพื่อดำเนินการดูแลเด็กต่อไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo