COVID-19

เอไอ ตรวจโควิดกลายพันธุ์ ผลงาน สจล. ค้นหาตำแหน่งกลายพันธุ์ภายใน 30 วินาที

เอไอ ตรวจโควิดกลายพันธุ์ สจล.โชว์ผลงานวิจัย เทคโนโลยีใหม่ที่พร้อมช่วยทีมแพทย์ สามารถบ่งชี้เชื้อโควิด-19 ได้ถึง 8 สายพันธุ์ ตรวจตำแหน่งการกลายพันธุ์เพียง 30 วินาที

รศ. ดร.ศิริเดช บุญแสง คณบดี คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เปิดเผยว่า จากกรณีการตรวจพบเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ต่าง ๆ ในประเทศไทยจำนวนมาก ทั้งสายพันธุ์อังกฤษ สายพันธุ์อินเดีย โดยล่าสุด พบ โควิดสายพันธุ์แอฟริกาใต้ ในคลัสเตอร์ตากใบ จ.นราธิวาส คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ  (สจล) จึงได้พัฒนาเทคโนโลยี เอไอ ตรวจโควิดกลายพันธุ์ หรือ ปัญญาประดิษฐ์ ซีร่า คอร์ (CiRA CORE) ขึ้น

เอไอ ตรวจโควิดกลายพันธุ์

ทั้งนี้ เทคโนโลยีดังกล่าว สามารถสนับสนุนการปฏิบัติงานของทีมแพทย์ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่

1. สามารถบ่งชี้สายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 ได้ถึง 8 สายพันธุ์ อาทิ สายพันธุ์ B.1.1.7 จากอังกฤษ สายพันธุ์ B.1.351 จากแอฟริกาใต้ สายพันธุ์ B.1.1.28 หรือ P1 จากบราซิล สายพันธุ์ B.1.617.1, B.1.617.2 และ B.1.617.3 จากอินเดีย สายพันธุ์ที่ระบาดในชุมชน B.1.36.16 จาก สมุทรสาคร ปทุมธานี และ กทม. ซึ่งช่วยแพทย์ลดขั้นตอนการวิเคราะห์ แยกแยะ และคาดการณ์การกระจายตัวของสายพันธุ์ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ตรวจตำแหน่งที่กลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยการค้นหาตำแหน่งกลายพันธุ์ที่เป็นที่น่ากังวล (Variant of Concern; VOCs) ซึ่งมีความถูกต้องถึง 99% ใน 30 วินาที

สำหรับขั้นตอนการวิเคราะห์สายพันธุ์ ของเชื้อไวรัสโควิด -19 และการค้นหาตำแหน่งกลายพันธ์ VOCs ด้วยเอไอดังกล่าว หนุนแพทย์ลดขั้นตอนการวิเคราะห์ให้เหลือเพียง 3 ขั้นตอน ได้แก่

  • นำข้อมูลสารพันธุกรรมทั้งหมด หรือจีโนมที่ได้ทั้งแบบเดี่ยว หรือแบบหลายๆจีโนมพร้อมกัน เข้าไปประมวลผลในโปรแกรมเอไอ (Input Data)
  • ทำการวิเคราะห์ผล
  • ทำการแสดงผลในรูปแบบชื่อของสายพันธุ์ และหากพบเชื้อกลายพันธุ์จะแสดงผลเป็นสีแดง พร้อมแสดงตำแหน่งกลายพันธุ์ (VOCs) บนจีโนม หากไม่พบเชื้อจะเป็นสีเทา

การพัฒนาเทคโนโลยีครั้งนี้ เป็นผลมาจากกระบวนการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) ของเอไอ ในข้อมูลรหัสพันธุกรรมของเชื้อโควิด ที่มีจีโนมถึง 30,000 ตำแหน่ง จากฐานข้อมูลรหัสพันธุกรรมของจุลชีพ “GISAID” (https://www.gisaid.org/) จึงทำให้เอไอ สามารถแยกแยะตำแหน่งโควิดกลายพันธุ์ (VOC) และสามารถบ่งชี้เชื้อโควิดกลายพันธุ์ได้หลายสายพันธุ์ได้

ปัจจุบัน  เอไอตรวจโควิดกลายพันธุ์ เริ่มนำร่องทดลองใช้งานภายในห้องแล็บ ของศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในการใช้ตรวจตำแหน่งกลายพันธุ์ของโควิด-19 (VOCs) โดยบุคลากรทางการแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา ขณะเดียวกัน ยังพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่หน่วยงานที่สนใจ และอยู่ระหว่างการยื่นจดสิทธิบัตรร่วมกันระหว่างหน่วยงาน

เอไอตรวจโควิดกลายพันธุ์ เป็นการพัฒนาองค์ความรู้ร่วมกับ ดร.วีรยุทธ กิตติชัย อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ สจล. ผศ. ดร.สันทัด ชูวงค์อินทร์ หัวหน้าศูนย์หุ่นยนต์อุตสาหกรรมและระบบอัตโนมัติ (CiRA) วิทยาลัยนวัตกรรมการผลิตขั้นสูง สจล. พร้อมด้วย ดร. จักรพันธุ์ รุณเจริญ ดร. อินทรี เสนสอน และ ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ (Center for Medical Genomics) คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

นอกจากนี้ ยังมีนางสาวทัชชา ยิ้มถิน อาจารย์ประจำภาควิชาจุลชีววิทยาและอิมมิวโนโลยี คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)

ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เปิดเผยว่า โควิด-19 ยังเป็นสิ่งที่บุคลากรทางการแพทย์ ต้องตรวจคัดกรองผู้เสี่ยงติดเชื้อรายใหม่ รักษาผู้ติดเชื้อ พร้อมสร้างภูมิคุ้มกันหมู่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งนักวิจัยไทยยังต้องเร่งคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือจำนวนมาก

เช่นเดียวกับ สจล. ที่ไม่หยุดพัฒนา และส่งต่อความช่วยเหลือ แก่ทีมบุคลากรทางการแพทย์ และชุมชนต่าง ๆ นับตั้งแต่ระลอกแรกจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งล่าสุดได้เปิดศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 สจล. จุดบริการวัคซีนภายนอกโรงพยาบาล ฝั่งกรุงเทพตะวันออก สำหรับนักศึกษาและบุคลากร สจล. รวมถึงบุคคลคนที่บริการสาธารณะ ซึ่งเป็นวัคซีนที่ได้รับโควตาจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เพื่อให้สถาบันมีความพร้อมในการเปิดทำการเรียนการสอนแบบปกติได้โดยเร็วที่สุด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo