COVID-19

มหาดไทย ชี้แจงปัญหาโควิด ประจวบ สร้างภาระ จนท.ด่านตรวจ ยันพร้อมดูแล

มหาดไทย ชี้แจงปัญหาโควิด ประจวบฯ ขาดผู้รับผิดชอบ-ไม่มีที่กักตัว สร้างภาระเจ้าหน้าที่ด่านตรวจ ระบุมีสถานที่กักตัว พร้อมเจ้าหน้าที่ดูแลรับผิดชอบ

สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงด่วน กรณีข่าวจับกุมแรงงานต่างด้าว ในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่ไม่มีสถานที่กักตัวเพื่อรอดูอาการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เวลานานกว่าจะเข้าถึงพื้นที่ ทำให้เป็นภาระกับ เจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจ โดย มหาดไทย ชี้แจงปัญหาโควิด ในพื้นที่ประจวบญ ดังนี้

มหาดไทย ชี้แจงปัญหาโควิด

สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้รับรายงานชี้แจงข้อเท็จจริง จากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ดังนี้

1. เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2563 เวลา ประมาณ 21.30 น. ณ หมู่ที่ 5 ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอำเภอได้รับแจ้งจากชุดตรวจ จุดสกัดบ้านหนองเสือ ว่ามีชาวบ้านพบแรงงานต่างด้าว หลบอยู่หลังหมู่บ้าน บริเวณสวนยาง

ปลัดอำเภอพร้อม สมาชิก อส. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ ชรบ. ได้เดินทางเข้าพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อพิสูจน์ทราบ โดยพบ แรงงานต่างด้าวเพศหญิง อายุประมาณ 30 ปี จำนวน 1 คน และเด็กชาย อายุประมาณ 10 ขวบ จำนวน 1 คน เด็กหญิง อายุประมาณ 4 ขวบ จำนวน 2 คน เป็นผู้ติดตาม จึงได้ตรวจสอบเอกสารหลักฐานเพื่อพิสูจน์ตัวบุคคล พบว่าหญิงวัย 30 ปี เป็นแรงงานต่างด้าวถูกต้องตามกฎหมาย มีเอกสารเดินทาง (Passport และ Visa) ที่ไม่หมดอายุประกอบกับมีใบอนุญาตทำงานถูกต้อง ซึ่งระบุว่าทำงานที่ อ.ปะทิว จ.ชุมพร

จากการสอบถามเบื้องต้น พบว่า กลุ่มแรงงานต่างด้าวดังกล่าว มีความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศเมียนมาในช่วงปีใหม่ ผ่านช่องทางธรรมชาติ ได้ว่าจ้างให้คนมาส่งที่เกิดเหตุ เพื่อจะเดินทางเข้าไปฝั่งเมียนมาในวันรุ่งขึ้น แต่ถูกควบคุมตัวเสียก่อน

จากนั้นชุดเจ้าหน้าที่จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อตรวจหาเชื้อ โควิด-19 แต่เนื่องจากเป็นช่วงเวลากลางคืน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขไม่สามารถเดินทาง เพื่อมาเก็บตัวอย่างตรวจหาเชื้อฯ ได้ ต้องรอเช้าวันรุ่งขึ้น ประกอบกับผู้ถูกควบคุมตัวไม่ได้เป็นผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยมีเอกสารถูกต้อง มีนายจ้างถูกต้อง

ต่อมาเมื่อเจ้าหน้าที่ทราบผลตรวจหาเชื้อฯ พบว่าผลออกมาเป็นลบ จึงได้ประสานนายจ้างที่ จ.ชุมพร ให้มารับตัวกลับไปตามภูมิลำเนาที่ทำงาน พร้อมทั้งได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ณ สภ.อ่าวน้อย เรียบร้อยแล้ว

ประจวบ1

2. ตามที่มีการอ้างว่า ภายหลังจับบุคคลต่างด้าวได้แล้ว กลับไม่มีสถานที่กักกันตัว เพื่อดูอาการนั้น ทางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ชี้แจงว่า ได้มีการเตรียมจัดหาสถานที่สำรองเพื่อเป็นสถานกักกันตัว สำหรับบุคคลที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายไว้ในพื้นที่ของจังหวัด จำนวน 8 อำเภอ

แต่ปัจจุบัน สถานการณ์ที่ผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายมีจำนวนน้อย และไม่บ่อยครั้ง ที่หน่วยงานจับกุม จะเป็นผู้ควบคุมและกักกันตัว เพื่อรอผลตรวจสอบหาเชื้อโควิด-19 ซึ่งหากผลเป็นลบ ก็จะส่งพนักงานสอบสวนในพื้นที่เพื่อดำเนินคดีต่อไป ประกอบกับสถานีตำรวจในพื้นที่ มีสถานที่เพื่อกักกันตัวเพียงพอ

3. กรณีที่อ้างว่า กว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะมาถึงในพื้นที่ ต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง ทำให้เจ้าหน้าที่หน้างานต้อง เฝ้าที่จุดเกิดเหตุข้ามวันข้ามคืน เพื่อรอจนกว่าจะทราบผล และหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สถานีตำรวจ และค่ายตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งต้องดำเนินการตามแผนของจังหวัด ต่างปฏิเสธ อ้างว่าเป็นเพียงแผนเท่านั้น

จังหวัดขอเรียนชี้แจงว่า ในกรณีที่ได้รับแจ้งว่า มีการควบคุมตัวบุคคลต่างด้าว เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ได้แก่ ฝ่ายปกครองอำเภอ ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข รพ.สต. จะเข้าไปตรวจสอบและควบคุมและคัดกรองเบื้องต้นโดยทันที

โดยปกติจะมีการพบและควบคุมตัวในพื้นที่ตามแนวชายแดน ในช่วงเวลากลางคืน ตั้งแต่เวลา 20.00 น. จนถึงช่วงเช้า ทำให้หน่วยงานสาธารณสุขที่ต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 มีอุปสรรคในการเข้าพื้นที่ชายแดนในช่วงระยะเวลากลางคืน

ชุดเจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องควบคุมตัวไว้ ณ จุดที่เกิดเหตุเพื่อเป็นป้องกันเชื้อฯ ไปเบื้องต้นไว้ก่อน แล้วรอจนกว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่มีเครื่องมือสำหรับตรวจสารคัดหลั่ง เข้าตรวจสอบคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 จนกว่าจะทราบผลตรวจ ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ควบคุมกักกันตัวหรือส่งดำเนินคดีต่อไป

สำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่มีหน้าที่ตรวจหาเชื้อโควิด-19 นั้น ในแต่ละวัน จะมีหน้าที่ตรวจหาเชื้อผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นจำนวนมาก บางครั้งต้องตรวจหลายที่ และห้อง LAB ในแต่ละวัน มีข้อจำกัดจำนวนรอบ ที่จะรับตรวจหาเชื้อโควิด โดยแบ่งเป็นรอบๆ ดังนี้

1. เวลา 10.00 น. ผลตรวจจะออก 18.00 น.

2. เวลา 14.00 น. ผลตรวจจะออก 20.00 น.

3. เวลา 20.00 น. ผลตรวจจะออก ในวันรุ่งขึ้น

ขณะที่สถานีตำรวจในพื้นที่ และค่าย ตชด. ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องการรับมากักกันตัว ในระหว่างที่รอผลตรวจหรือรอส่งดำเนินคดีแต่อย่างใด โดยจะควบคุมตัวและดูแลเป็นอย่างดี จนกว่าจะทราบผลตรวจที่ชัดเจน

สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่จะเข้าตรวจหาเชื้อฯ จะเข้าพื้นที่เกิดเหตุโดยทันทีถ้าได้รับแจ้งจากหน่วยงานที่ควบคุมตัว แต่ถ้าหลังเวลา 20.00 น. จะเข้าตรวจหาเชื้อฯ ในวันรุ่งขึ้น

4. กรณีเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจ ต้องใช้เงินส่วนตัวดูแลแรงงานต่างด้าวที่ถูกจับกุมตัว โดยไม่มีงบประมาณจากทางจังหวัดมาสนับสนุน นั้น

จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้มีการสั่งการให้มีการตั้งจุดตรวจจุดสกัด โดยใช้งบประมาณจากจังหวัด ที่ได้รับการจัดสรรในการตั้งด่านในเขตอำเภอแต่ละอำเภอ โดยอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ มีจำนวน 11 จุด ค่าอาหาร 3 มื้อ ๆ 50 บาท จำนวน 10 คน/จุด/วัน ซึ่งเพียงพอ

ทั้งนี้ อำเภอได้มีการประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านชายแดน ทุกหมู่บ้าน ที่ตั้งจุดตรวจจุดสกัด ซึ่งแจ้งว่ามีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่อย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อสกัดกั้นการหลบหนีเข้าเมืองบุคคลต่างด้าว

สำหรับกรณีจับกุมแรงงานต่างด้าวแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ได้จัดหาอาหารและน้ำดื่มไว้ให้ เพื่อเป็นไปตามหลักมนุษย์ธรรมที่ดี พร้อมทั้งดูแลเป็นอย่างดี ซึ่งโดยปกติ ไม่ได้มีผู้หลบหนีจำนวนมาก ประกอบกับ ณ จุดตรวจจุดสกัดในพื้นที่ ได้มีการจัดประกอบเลี้ยงชุดจุดตรวจ จุดสกัดอยู่แล้ว ซึ่งสามารถที่จะแบ่งปันให้กับแรงงานต่างด้าวที่ควบคุมตัวไว้ได้

5. กรณีมีการรายงานว่าพบปัญหานี้ในพื้นที่อื่น ๆ เช่นกัน ขอเรียนชี้แจงว่า ในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นั้น ตามช่องทางธรรมชาติ จะมีความลำบากในการเดินทางข้ามผ่านแดน ยกเว้นในพื้นที่อำเภอเมืองฯ ซึ่งด้านฝั่งตรงข้ามจะเป็น ตำบลมูด่อง ซึ่งมีเส้นทางคมนาคม ที่สามารถจะเดินทางไปจังหวัดมะริด หรือพื้นที่อื่น ๆ ต่อไปสะดวก จึงมีผู้เข้าเมืองเป็นปกติ

ตั้งแต่มีสถานการณ์โควิด-19 กระทรวงมหาดไทยได้มีการสั่งการ ให้ปิดจุดผ่อนปรนพิเศษ ด่านสิงขร ไม่ให้เดินทางเข้า-ออกประเทศ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จึงได้มีมาตรการป้องกันที่เข้มงวด ตลอดพื้นที่แนวชายแดน หมู่บ้านตำบลชายแดน และพื้นที่ตอนใน จึงทำให้มีผู้หลบหนีเข้าเมืองเป็นจำนวนน้อย โดยเดือนละประมาณไม่เกิน 15 รายเท่านั้น

ขณะเดียวกัน ทางจังหวัดมีมาตรการในการแก้ปัญหา ดังนี้

1. กรณีที่มีผู้หลบหนี้เข้าเมืองเป็นจำนวนมาก จังหวัดได้จัดเตรียมสถานที่กักกันไว้รองรับทุกอำเภอแล้ว เพื่อรอผลตรวจหาเชื้อและดำเนินคดีต่อไป แต่หากกรณีมีจำนวนน้อยจะใช้มาตรการตาม พ.ร.บ. ควบคุมโรคจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยใช้มาตรการกักกันตัว ณ จุดเกิดเหตุจนกว่าจะทราบผลตรวจที่ถูกต้อง

2. สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในสถานกักกันตัวฯ จังหวัดได้มีการเตรียมพร้อมเพื่อสนับสนุน จากงบประมาณในการป้องกันและยับยั้งสาธารณภัย (งป.ฉุกเฉิน) ในกรณีหากมีผู้หลบหนีเข้าเมืองจำนวนมากในคราวเดียวกัน

3. เจ้าหน้าที่สาธารณสุข จะมีชุดเคลื่อนที่เร็วเพื่อออกตรวจสารคัดหลั่งเชื้อโควิด-19 ทันที ถ้ามีการร้องขอ อีกทั้งจังหวัดจะดำเนินการจัดอบรมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทุกตำบลให้สามารถตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 ได้ พร้อมทั้งสนับสนุนชุดตรวจหาเชื้อประจำใน รพ.สต. ในพื้นที่ใกล้ชายแดนทุกตำบล เพื่อส่งไปตรวจในห้อง LAB โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ได้ทันที

4. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความเข้มงวดตามมาตรการในการป้องกันและยับยั้งเชื้อโควิด-19 ในประเด็นที่เกี่ยวข้องในการควบคุมตัวแรงงานต่างด้าว ระหว่างรอผลตรวจไวรัสโควิด-19

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo