COVID-19

นายกฯ ออกข้อกำหนด ‘ห้ามเดินทางข้ามจังหวัด’ รับมือคลายล็อกดาวน์ 3 พ.ค.นี้

“นายกฯ” ออกข้อกำหนดให้ประชาชนงดหรือชะลอ “การเดินทางข้ามจังหวัด” หากจำเป็นต้องแสดงเหตุผลและหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ทราบ รวมถึงเข้ารับการคัดกรอง โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 3 พ.ค. ซึ่งรัฐบาลเริ่มคลายล็อกดาวน์โควิด-19

texture 1647380 1280 1

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (1 พ.ค.) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารสถานการณ์ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 5 ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงนามในวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 มีเนื้อหาหลักว่า

เพื่อให้การบังคับใช้มาตรการต่าง ๆ ยังคงดำรงอยู่ต่อไป เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไปสู่พื้นที่อื่นและป้องกันมิให้โรคกลับมาแพร่ระบาดใหม่ในพื้นที่ซึ่งเคยควบคุมได้ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหาราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกำหนดเป็นการทั่วไปและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลาย ดังต่อไปนี้

  • ห้ามออกจากเคหสถาน ระหว่างเวลา 22.00 น. ถึงเวลา 04.00 น. วันรุ่งขึ้น
  • ห้ามหรือข้อจำกัดการดำเนินการหรือการทำกิจกรรมบางอย่างตาม พ.ร.ก. และกฏหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่

1.ห้ามใช้อาคารสถานที่ของโรงเรียนและสถาบันการศึกษาทุกประเภท เพื่อจัดการเรียนการสอน การสอบ การฝึกอบรม และการทำกิจกรรมใดๆ

2.ห้ามผู้ใดจัดกิจกรรมที่มีผู้เข้าร่วมจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมกัน หรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันได้ง่าย เช่น การประชุม การสัมมนา การแจกอาหารหรือการจัดเลี้ยง เว้นแต่เป็นการจัดโดยพนักงานเจ้าหน้าที่หรือได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

3.ห้ามผู้ใดใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยาน เว้นแต่เป็นไปตามประกาศ เงื่อนไข และเงื่อนเวลาที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศกำหนด

4.ให้ผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรทางบก ทางน้ำหรือทางอากาศ ปฏิบัติตามเงื่อนไข เงื่อนเวลา และหลักเกณฑ์ที่นายกรัฐมนตรี ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค) และผู้ที่มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด

8456120
ภาพถนน 304 วังน้ำเขียว มุ่งหน้านครราชสีมา เวลา 9.30 น. วันนี้ (1 พ.ค.)

5.ให้ผู้ซึ่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ สั่งหรือกำหนดเป็นเงื่อนไขในการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรให้แยกกัก กักกัน คุมตัวไว้สังเกต ณ ที่เอกเทศหรือสถานที่ซึ่งทางราชการกำหนด

6.ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) และผู้ว่าราชการจังหวัด มีคำสั่งปิดสถานที่ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคดังนี้ โรงมหรสพ สถานบริการ ผับ บาร์ สถานบันเทิง สวนน้ำ สนามเด็กเล่น สวนสนุก สวนสัตว์ สถานที่เล่นสเก็ตหรือโรลเลอร์เบรดหรือการละเล่นอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน สนุกเกอร์ บิลเลียด สถานที่เล่นโบว์ลิ่งหรือตู้เกม ร้านเกมและร้านอินเตอร์เน็ต สระว่ายน้ำสาธารณะ สนามชนไก่ ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า สถานที่ออกกำลังกายฟิตเนส คลินิกเวชกรรมเสริมความงาม ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม สถานที่จัดนิทรรศการ พิพิธภัณฑ์ ห้องสมุดสาธารณะ สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานดูแลผู้สูงอายุ สนามมวย โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ (ยิม) สถานีที่สักหรือเจาะผิวหนังหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย สถาบันลีลาศหรือสอนลีลาศ สนามม้า สถานประกอบกิจการอาบน้ำ อบไอน้ำ อบสมุนไพร สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ สถานประกอบการนวดแผนไทย นวดฝ่าเท้าและสถานประกอบกิจการอาบ อบนวด ในพื้นที่รับผิดชอบเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะได้ประเมินสถานการณ์และมีข้อกำหนดให้ผ่อนคลายต่อไป

7.ผู้ว่า กทม. และผู้ว่าราชการจังหวัดอาจพิจารณาปิด จำกัดหรือห้ามการดำเนินการสถานที่หรือสั่งให้งดการทำกิจการอื่นที่มีความเสี่ยงนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในข้อ 6

  • การปฏิบัติศาสนกิจหรือศาสนพิธีในวันสำคัญทางศาสนา หรือตามประเพณีนิยม ณ ศาสนสถานใดให้เป็นไปตามดุลพินิจและอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ดูแลสถานที่
  • ให้ประชาชนงดหรือชะลอการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัด เว้นแต่มีความจำเป็น ซึ่งต้องแสดงเหตุผลและหลักฐานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ทั้งต้องรับการตรวจคัดกรอง และต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนด อันอาจทำให้การเดินทางต้องใช้เวลามากกว่าปกติและไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทาง

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป

Avatar photo