COVID-19

ป้องกันไว้ก่อน สิ่งที่เราควรรู้! เกี่ยวกับการระบาดของ ‘XBB.1.16’ คู่กับการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ‘H3N2’ ในอินเดีย

ป้องกันไว้ก่อน ศูนย์จีโนมฯ เผย สิ่งที่เราควรรู้! เกี่ยวกับการระบาดของ ‘XBB.1.16’ คู่กับการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ‘H3N2’ ในอินเดีย

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics เรื่อง การระบาดของโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ลูกผสม “XBB.1.16” คู่ไปกับการระบาดของไข้หวัดใหญ่ “H3N2” ในอินเดีย: สิ่งที่คุณควรรู้ ดังนี้

อินเดียกำลังเผชิญกับความสุ่มเสี่ยงต่อการระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ลูกผสมที่เรียกว่า XBB.1.16 (BJ.1XBA.2.75*) และไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล H3N2

XBB.1.16

แสดงอาการคล้ายกัน และอาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง

ไวรัสทั้งสองมีการติดเชื้อที่แสดงอาการคล้ายกัน และอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ดังนั้นการตรวจแยกชนิดและสายพันธุ์ของไวรัส จึงมีความสำคัญต่อการรักษาด้วยยาต้านไวรัสที่เหมาะสม

เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2566 ศูนย์จีโนมอินเดีย (Indian SARS-CoV-2 Genomics Consortium) หรือ INSACOG ได้สุ่มถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของไวรัสโควิด-19  ได้พบผู้ติดเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ลูกผสม XBB.1.16 จำนวน 76 คนทั่วประเทศ

โดยสามารถระบุได้ว่าโอมิครอนลูกผสม XBB.1.16 เริ่มต้นระบาดจากรัฐมหาราษฏระแล้วกระจายไปยังเมืองอื่นๆ โดยมีความเร็วในการแพร่กระจายมากกว่าโอมิครอนตัวอื่นๆที่เคยระบาดมาก่อนหน้า โดยมีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่าโอมิครอนลูกผสม XBB.1.5 ถึง 127%

ในระยะนี้จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ได้เพิ่มขึ้นเป็น 15 ราย แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจำนวนผู้เสียชีวิตเหล่านี้ เกิดจากโอมิครอน XBB.1.16 หรือไม่ เพราะต้องมีการถอดรหัสพันธุกรรมเพื่อยืนยัน

XBB.1.16

อีกด้านหนึ่ง อินเดียกำลังเผชิญกับการระบาดของไข้หวัดใหญ่ H3N2 โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบางซึ่งเป็นเด็กและผู้สูงอายุ ข้อมูลจากโครงการสอบสวนโรคระบาดของอินเดีย (the Integrated Disease Surveillance Programme; IDSP) รายงานว่า มีจำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ H3N2 ในอินเดียถึง 8,765 รายแ ละมีจำนวนผู้เสียชีวิตแล้ว 90 ราย ณ วันที่ 18 มีนาคม 2566

ไข้หวัดใหญ่ H3N2 มักจะทำให้มีไข้สูงอย่างฉับพลัน (>102°F/39°C) ซึ่งกินเวลา 3-4 วัน ในขณะที่โอมิครอนลูกผสม XBB.1.16 อาจทำให้มีไข้เล็กน้อยหรือปานกลางและคงอยู่นานกว่านั้น

ไข้หวัดใหญ่ H3N2 อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และท้องร่วง โดยเฉพาะในเด็ก ในขณะที่โอมิครอนลูกผสม XBB.1.16 ไม่ค่อยทำให้เกิดอาการเหล่านั้น

วิธีป้องกันไข้หวัดใหญ่ H3N2 คือการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ประจำปี ในขณะที่ยังไม่มีวัคซีนเฉพาะสำหรับโอมิครอนลูกผสม XBB.1.16 เป็นการจำเพาะ

XBB.1.16

การตรวจหาเชื้อ และการรักษาอย่างเหมาะสม

การตรวจวินิจฉัยไข้หวัดใหญ่ H3N2 สามารถตรวจกรองแอนติเจนของไวรัสเบื้องต้นได้ด้วยตัวเอง (self-test) หรือที่เรียกกันว่าการตรวจ ATK ส่วนการตรวจ RT-PCR ที่จะมีความไวและความจำเพาะสูงกว่าต้องดำเนินการในห้องแล็บ โดยการสวอบเชื้อไวรัสจากโพรงจมูกและลำคอ

สำหรับโอมิครอนลูกผสม XBB.1.16 ก็เช่นเดียวกัน  สามารถตรวจกรองได้ด้วย ATK หรือตรวจวินิจฉัยด้วยเทคนิค RT-PCR

การตรวจสอบ ATK หรือ RT-PCR จะแสดงเพียงผลบวกหรือลบ ไม่สามารถระบุสายพันธุ์โดยละเอียดได้ หากต้องการทราบถึงสายพันธุ์ย่อยของไวรัส จำเป็นต้องใช้การถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมเพื่อยืนยัน

XBB.1.16

วัคซีนและยาต้านไวรัสมีหลายชนิด สำหรับการป้องกันและรักษาโรคติดเชื้อไวรัส:

วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ประจำปีครอบคลุม 4 สายพันธุ์ รวมถึง H3N2 ซึ่งควรฉีดก่อนเริ่มฤดูกาลหรือให้เร็วที่สุดหลังจากติดเชื้อ  ส่วนโอมิครอนลูกผสม XBB.1.16 แม้ไม่มีวัคซีนเฉพาะเจาะจงสำหรับสายพันธุ์ย่อยนี้ แต่วัคซีนที่มีอยู่เช่น วัคซีนเชื้อตาย วัคซีนใช้ไวรัสเป็นพาหะ หรือวัคซีน mRNA ต่อเชื้อโควิด-19 สามารถป้องกันการติดเชื้อรุนแรงและการเสียชีวิตได้ดี

ไวรัส5

ยาต้านไวรัส เช่น oseltamivir สำหรับรักษาการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ H3N2 และ molnupiravir/paxlovid สำหรับ โอมิครอน XBB.1.16 สามารถลดปริมาณไวรัส บรรเทาอาการ ย่นระยะเวลาการเจ็บป่วย และภาวะแทรกซ้อน หากใช้รวดเร็วหลังจากการทราบผลวินิจฉัยเป็นบวก ภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์

ทางการอินเดียได้ประกาศเตือนประชาชนอินเดีย เมื่อมีอาการหวัดควรขอคำแนะนำจากแพทย์ เพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัย ไม่ควรรักษาตัวเองเนื่องจากอาจเป็นอันตรายได้

ไววัส4

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo