“หมอธีระ” อัปเดตผลวิจัยสหรัฐ หลังจากติด “โควิด” ทำให้เสี่ยงที่จะตรวจพบโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 2.35 เท่า ย้ำ!! ป้องกันตัวไม่ให้ติดเชื้อหรือไม่ติดเชื้อซ้ำ
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat กล่าวว่า เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 102,211 คน ตายเพิ่ม 440 คน รวมแล้วติดไป 677,840,535 คน เสียชีวิตรวม 6,783,945 คน 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา
…อัปเดตความรู้โควิด-19
1. ติดเชื้อโควิด-19 เสี่ยงต่อโรคเบาหวาน Kwan AC และคณะ จากประเทศสหรัฐอเมริกา เผยแพร่ผลการวิจัยในวารสารการแพทย์ JAMA Network Open ในวันแห่งความรัก (รูปที่ 1 และ 2) ศึกษาในกลุ่มประชากรจำนวน 23,709 คน ตั้งแต่มีนาคม 2563 ถึงมิถุนายน 2565
พบว่า หลังจากติดเชื้อโรคโควิด-19 นั้นจะทำให้เสี่ยงที่จะตรวจพบโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญราว 2.35 เท่า (ช่วงความเชื่อมั่นตั้งแต่ 1.94-2.89 เท่า)
และแม้จะเปรียบเทียบอัตราการตรวจพบโรคเบาหวานกับโรคอื่น ๆ เช่น ทางเดินปัสสาวะอักเสบ กรดไหลย้อน ก็ยังพบว่า ความเสี่ยงที่จะตรวจพบโรคเบาหวานหลังติดเชื้อโควิด-19 นั้นก็ยังคงสูงกว่าการตรวจพบโรคอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญถึง 1.58 เท่า
ผลการศึกษานี้สอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้านี้ที่มีการทบทวนอย่างเป็นระบบและวิเคราะห์อภิมาน
แต่ที่น่าสนใจคือ การศึกษานี้ยังชี้ให้เห็นว่า ความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานนั้นสูงขึ้นชัดเจน แม้ว่าจะเป็นยุคที่สายพันธุ์ Omicron ระบาดก็ตาม
นอกจากนี้ ประเด็นสำคัญอีกเรื่องที่ค้นพบคือ คนที่ติดเชื้อแต่ได้รับการฉีดวัคซีนมาก่อน จะมีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน
ดังนั้น ข้อสรุปที่เราควรนำใช้ในการดำเนินชีวิต คือ
หนึ่ง ควรป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอ ป้องกันตัวไม่ให้ติดเชื้อหรือไม่ติดเชื้อซ้ำ ย่อมดีที่สุด
สอง ควรไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ครบถ้วนตามกำหนด หากเกิดจับพลัดจับผลูติดเชื้อขึ้นมา อย่างน้อยวัคซีนก็จะช่วยลดเสี่ยงป่วยรุนแรง ลดเสี่ยงเสียชีวิต และลดความเสี่ยงต่อ Long COVID รวมถึงการเกิดโรคเบาหวานให้น้อยลงไปบ้าง ดีกว่าการไม่ฉีดวัคซีน
2. ลักษณะของสายพันธุ์ไวรัสกับการระบาดในประเทศอังกฤษ Perez-Guzman PN และคณะ จากประเทศอังกฤษ ได้เผยแพร่ผลการศึกษาทบทวนลักษณะการระบาดของโรคโควิด-19 ตลอดช่วงที่ผ่านมาหลายปีจนถึงยุค Omicron สาระสำคัญคือ แต่ละสายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 นั้นมีสมรรถนะในการแพร่ระบาดแตกต่างกันไป (รูปที่ 3)
ทั้งนี้สายพันธุ์ Omicron (BA.1) นั้น มีสมรรถนะในการแพร่เชื้อจากคนที่ติดเชื้อไปยังคนอื่นๆ ได้สูงสุด โดยเฉลี่ยแล้ว คนติดเชื้อคนหนึ่งจะแพร่ไปให้คนอื่นๆ ได้ 8.1 คน (ค่า R0: Basic reproduction number)
ในขณะที่ สายพันธุ์ดั้งเดิมนั้นมีค่า R0 ประมาณ 2.5, สายพันธุ์อัลฟ่า 4.0, และสายพันธุ์เดลต้า 6.7
เราจึงไม่แปลกใจว่า การระบาดของ Omicron นั้นจึงทำให้คนทั่วโลกมีการติดเชื้อกันมากมายมหาศาลจนถึงปัจจุบัน
ป.ล.ใครอยากเห็นลักษณะสายพันธุกรรมของไวรัสโรคโควิด-19 เต็มๆ (29,903 nucleotides) ลองเข้าไปดูได้ที่เว็บในรูปที่ 4
…ควรใช้ชีวิตประจำวันอย่างมีสติ ไม่ประมาท ป้องกันตัวสม่ำเสมอ ช่วยกันปรับปรุงการระบายอากาศให้ดีขึ้นกว่าในอดีต การใส่หน้ากากอย่างถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงทั้งต่อโควิด-19 และ PM2.5 ด้วย
อ้างอิง
1. Kwan AC et al. Association of COVID-19 Vaccination With Risk for Incident Diabetes After COVID-19 Infection. JAMA Network Open. 14 February 2023.
2. Perez-Guzman PN et al. Epidemiological drivers of transmissibility and severity of SARS-CoV-2 in England. medRxiv. 12 February 2023.
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หมอธีระ’ คาดยอดโควิดรายสัปดาห์เพิ่ม 2,800-3,889 คนต่อวัน พุ่ง 55.6%
- ‘หมอธีระ’ เผย ‘ญี่ปุ่น’ ยังขึ้นแท่นยอดติดโควิดสูงสุด-ยอดเสียชีวิตทั่วโลกลดลง 8%
- ‘หมอธีระ’ เปิด 5 อันดับประเทศติดโควิดสูงสุด ‘ญี่ปุ่น’ ยืนหนึ่ง!