ศูนย์จีโนมฯ เผยจีนเปิดข้อมูลรหัสพันธุกรรมไวรัสโควิดที่กำลังแพร่ระบาดในประเทศจีน 13 สายพันธุ์ ชี้กลายพันธุ์ตามหลังประเทศอื่น รวมถึงไทย
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics เรื่อง ไวรัสโควิด 13 สายพันธุ์สำคัญที่กำลังแพร่ระบาดในประเทศจีน โดยระบุว่า
สาธารณรัฐประชาชนจีนได้เปิดเผยข้อมูลรหัสพันธุกรรมไวรัสโควิดทั้งจีโนม บนฐานข้อมูลโควิดโลก GISAID จำนวน 408 ตัวอย่าง ที่ระบาดในช่วงเดือนธันวาคม 2565 พบเชื้อไวรัสมีการกลายพันธุ์ ตามหลังประเทศอื่นเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งประเทศไทย
ทำให้หลายประเทศเริ่มคลายกังวล เพราะพบว่า แต่ละประเทศมีไวรัสโควิดกลายพันธุ์ไปมากกว่า และมีภูมิคุ้มกันแบบผสมที่สูงกว่าจีน วัคซีนที่ฉีดป้องกัน และยาต้านไวรัสที่ใช้รักษาประชาชน ยังครอบคลุมใช้ได้ดี หากมีไวรัสโควิดจากจีนหลุดเข้ามา
ข้อมูลจีโนมของโควิด-19 ที่แพร่ระบาดในจีนระลอกนี้ ในช่วงเดือนธันวาคม 2565 ได้ถูกอัปโหลดแชร์บนฐานข้อมูลรหัสพันธุกรรมโควิดโลก GISAID เป็นที่เรียบร้อยจำนวนทั้งสิ้น 408 ราย
สายพันธุ์หลักอันดับหนึ่งและอันดับสองเป็นโอไมครอน BA.5.2 และ BF.7 สัดส่วน 25.8% และ 23.5% ตามลำดับ ซึ่งไม่ใช่สายพันธุ์อุบัติใหม่
ส่วนอันดับ 3 จำนวนที่พบในจีนห่างจากอันดับ 1 และ 2 พอควรคือ BQ.1.22 ซึ่งอยู่ในกลุ่มโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยอุบัติใหม่ พบเพียง 3% จาก 408 ตัวอย่าง
โอไมครอน 13 สายพันธุ์สำคัญที่ระบาดหมุนเวียนในจีนขณะนี้ คือ
- BA.5 จำนวน 14 ตัวอย่าง คิดเป็น 3.5%
- BA.5.2 จำนวน 103 ตัวอย่าง คิดเป็น 25.8%
- BA.5.2.1 จำนวน 17 ตัวอย่าง คิดเป็น 4.3%
- BA.7 จำนวน 94 ตัวอย่าง คิดเป็น 23.5% (หลานของ BA.5)
- BQ.1 จำนวน 18 ตัวอย่าง คิดเป็น 4.5%
- BQ.1.1 จำนวน 16 ตัวอย่าง คิดเป็น 4%
- BQ.1.22 จำนวน 20 ตัวอย่าง คิดเป็น 5%
- BN.1.3 จำนวน 7 ตัวอย่าง คิดเป็น 1.75%
- CH.1.1 จำนวน 3 ตัวอย่างคิดเป็นร้อยละ 0.75
- XBB จำนวน 3 ตัวอย่าง คิดเป็น 0.75%
- XBB.1 จำนวน 3 ตัวอย่าง คิดเป็น 0.75%
- XBB.1.5 จำนวน 3 ตัวอย่าง คิดเป็น 0.75%
- XBC จำนวน 1 ตัวอย่าง คิดเป็น 0.25%
ศุนย์จีโนมฯได้วิเคราะห์โควิด-19 ทั้งจีโนมที่ไทยเราช่วยกันถอดรหัสพันธุกรรมในช่วงเวลา 3 เดือนที่ผ่านมาพบว่า
- BA.2.75 (สายพันธุ์หลักในไทย) มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) ในพื้นที่ประเทศไทยสูงกว่าโอไมครอนอันดับหนึ่งที่พบระบาดในประเทศจีน-BA.5.2 ประมาณ 63%
- BA.2.75 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) ในพื้นที่ประเทศไทยสูงกว่าโอไมครอนอันดับสองที่พบระบาดในประเทศจีน BF.7 ประมาณ 9%
ส่วนโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยอุบัติใหม่ BQ, XBB (สายพันธุ์ลูกผสมระหว่างโอไมครอน 2 สองสายพันธุ์ย่อย), และ XBC (สายพันธุ์ลูกผสมระหว่างเดลตาและโอไมครอน) หรือเดลตาครอน พบจำนวนไม่มากในระดับตัวเลขหลักหน่วยคาดว่าเป็นเชื้อนำเข้าจากต่างประเทศ
ดังนั้นไม่ง่ายนักที่ BA.5.2 และ BF.7 สองสายพันธุ์หลักจากจีนจะเข้ามาระบาด และเพิ่มจำนวนแทนที่สายพันธุ์หลัก BA.2.75 ของประเทศไทยได้ในขณะนี้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ศูนย์จีโนมฯ ระบุ WHO ห่วง ‘โควิดจีน’ ระบาดหนัก เสี่ยง ‘อุบัติสายพันธุ์ใหม่’ เผยมี 9 สายพันธุ์ที่ระบาดในขณะนี้
- ‘อนามัยโลก’ วอน ‘จีน’ เปิดข้อมูลโควิดเป็นประจำ ช่วยประเมินสถานการณ์
- ดร.อนันต์ เผย ‘นวัตกรรม ATK’ ยุคปัจจุบัน ตรวจไวรัสได้ 4 ชนิดพร้อมกัน