POLITICS-GENERAL

ประชาชนส่วนใหญ่ยังเลือกพรรคก้าวไกล ยก ‘พิธา’ อันดับ 1 เป็นนายกฯ 

สถาบันพระปกเกล้า เผยผลการสำรวจถ้ามีการเลือกตั้งคนส่วนใหญ่ยังเลือกพรรคก้าวไกล ยก “พิธา” อันดับ 1 เป็นนายกฯ 

สถาบันพระปกเกล้า เผยผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “ความนิยมในพรรคการเมืองและนายกรัฐมนตรี: 1 ปีหลังการเลือกตั้ง 14 พฤษภาฯ 2566”

เลือก

สถาบันพระปกเกล้า โดย สํานักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย ร่วมกับ สํานักส่งเสริมการเมืองภาคพลเมือง และศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง 76 จังหวัด ทําการสํารวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “ความนิยมใน พรรคการเมืองและนายกรัฐมนตรี: 1 ปีหลังการเลือกตั้ง 14 พฤษภาฯ 2566” จํานวน 1,620 ตัวอย่าง โดยทําการเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 7-18 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ใช้วิธีการสัมภาษณ์ตามแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่างซึ่ง เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง (อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป) ที่ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นภูมิ (stratified random sampling) ในทุกจังหวัดรวมทั้งกรุงเทพมหานคร กําหนดค่าความเชื่อมั่นไว้ที่ร้อยละ 95 และค่าความคลาดเคลื่อนที่ ±2.5 ผลการสํารวจ พบว่า

ถ้ามีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในช่วงนี้ คนส่วนใหญ่ยังคงจะเลือกพรรคก้าวไกลมากเป็นอันดับ 1 ทั้งสองบัตร

เมื่อสอบถามกลุ่มตัวอย่างว่า “ถ้ามีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนรําษฎร (ส.ส.) ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ท่านจะลงคะแนนเลือกผู้สมัครจากพรรคการเมืองใดในการเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต” ผู้ตอบ ร้อยละ 35.7 ระบุว่า จะลงคะแนนเลือกผู้สมัครจํากพรรคก้าวไกล

รองลงมา ระบุว่า จะลงคะแนนเลือกผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย คิดเป็น ร้อยละ 18.1 ผู้สมัครจากพรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 11.2 ผู้สมัครจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ร้อยละ 9.2 ผู้สมัคร จากพรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 7.8 ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 5 ผู้สมัครจากพรรคชาติไทยพัฒนา ร้อยละ1.6 ผู้สมัครจากพรรคประชาชาติ ร้อยละ 1.2 ตามลําดับ ในขณะที่มีผู้ตอบแบบสอบถามที่ระบุว่าจะ ลงคะแนนให้ผู้สมัครจํากพรรคอื่น ๆ หรือยังไม่ตัดสินใจเลือกใครในตอนนี้ รวมกันอีกร้อยละ 10.2

เมื่อสอบถามต่อไปว่า “แล้วในการเลือกตั้ง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ถ้ามีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร (ส.ส.) ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ท่านจะลงคะแนนให้แก่บัญชีรายชื่อของพรรคใด” ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อย ละ 44.9 ระบุว่า จะลงคะแนนให้พรรคก้าวไกล รองลงมา ระบุว่า จะลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทย คิดเป็นร้อยละ 20.2 พรรครวมไทยสร้างชาติ ร้อยละ 10.9 พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 3.5 พรรคพลังประชารัฐ และพรรค ประชาธิปัตย์ ร้อยละ 3 พรรคประชาชาติ ร้อยละ 1.3 และพรรคชาติไทยพัฒนา ร้อยละ 0.7 ตามลําดับ นอกจากนี้ น่าสนใจว่า ยังมีผู้ตอบที่ระบุว่าจะลงคะแนนให้พรรคการเมืองอื่นๆ หรือไม่ต้องการลงคะแนนให้พรรคใดเลย ในตอนนี้ รวมกันถึงร้อยละ 12.6

ภาพถ่ายหน้าจอ 2567 05 26 เวลา 14.52.15

คะแนนนิยมของก้าวไกลทิ้งห่างเพื่อไทย จนทำให้ก้าวไกลอาจได้ ส.ส. มากกว่าเพื่อไทย เกือบ 2 เท่า

เมื่อนําผลการสํารวจความคิดเห็นของประชาชนในครั้งนี้เปรียบเทียบกับผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ปรากฏว่า พรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนนิยมจํากประชาชนในการเลือกตั้ง แบบแบ่งเขตเพิ่มขึ้นมี 2 พรรค คือ พรรคก้าวไกลและพรรคประชาชาติ

โดยพรรคก้าวไกลได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 9.67 ซึ่งอําจส่งผลให้พรรคมีโอกาสชนะการเลือกตั้งและได้ ส.ส. เพิ่มขึ้นถึง 49 ที่นั่ง ส่วนพรรค ประชาชาติได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 0.35 ซึ่งอําจทําให้พรรคมีโอกาสชนะการ เลือกตั้งและได้ ส.ส. เพิ่มขึ้น 1 ที่นั่ง

ในขณะที่มีพรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนนิยมจากประชําชนในกํารเลือกตั้ง แบบแบ่งเขตลดลง จํานวน 6 พรรค ได้แก่ พรรคเพื่อไทยได้รับคะแนนนิยมลดลง ร้อยละ 7 และอาจส่งผลให้พรรค มีโอกาสเสียที่นั่งที่มีอยู่เดิมไปราว 28 ที่นั่ง พรรคพลังประชารัฐ คะแนนนิยมลดลง ร้อยละ 3.41 มีโอกาสเสียที่นั่ง 11 ที่นั่ง พรรคภูมิใจไทย คะแนนนิยมลดลง ร้อยละ 2.64 มีโอกาสเสียที่นั่ง 10 ที่นั่ง และพรรคประชาธิปัตย์ คะแนนนิยมลดลง ร้อยละ 1.13 มีโอกาสเสียที่นั่ง 3 ที่นั่ง

อย่างไรก็ตาม สําหรับพรรครวมไทยสร้างชาติที่ได้รับ คะแนนนิยมลดลง ร้อยละ 0.47 และพรรคชาติไทยพัฒนาที่ได้รับคะแนนนิยมลดลง ร้อยละ 0.02 นั้นคะแนนนิยมที่ลดลงดังกล่าวยังไม่มากพอที่จะส่งผลให้พรรคการเมืองทั้งสองมีที่นั่งลดลง

ภาพถ่ายหน้าจอ 2567 05 26 เวลา 14.53.40

ในส่วนของการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบ พบว่า มีพรรคการเมือง 5 พรรค ได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนเพิ่มขึ้น คือ พรรคก้าวไกลได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 8.33 พรรค พลังประชารัฐ ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.62 พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.66 พรรคภูมิใจไทย ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.6 และพรรคชาติไทยพัฒนา ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.19

อย่างไรก็ตาม คะแนนนิยมที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวส่งผลให้พรรคก้าวไกลมีโอกkสได้ที่นั่งเพิ่มขึ้น 8 ที่นั่ง และพรรค พลังประชารัฐมีโอกาสได้ที่นั่งเพิ่มขึ้น 1 ที่นั่ง เพียงสองพรรคเท่านั้น ส่วนคะแนนที่เพิ่มขึ้นของอีกสามพรรคยังไม่ มากพอที่จะทําให้ได้ที่นั่งเพิ่ม

ในขณะที่มีพรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนในการเลือกตั้งแบบบัญชี รายชื่อลดลง จํานวน 3 พรรค คือ พรรคเพื่อไทย ได้รับคะแนนนิยมลดลง คิดเป็นร้อยละ 7.49 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 1.18 และพรรคประชาชาติ ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 0.24 คะแนนนิยมที่ลดลงดังกล่าวมีผลให้พรรคเพื่อไทยมีโอกาสได้ที่นั่งจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อน้อยลง 8 ที่นั่ง พรรครวมไทยสร้างชาติมีโอกาสได้น้อยลง 2 ที่นั่ง และพรรคประชาชาติมีโอกาสได้ที่นั่งน้อยลง 1 ที่นั่งตามลําดับ

พรรคก้าวไกล

เมื่อนําตัวเลขประมาณการที่นั่งที่พรรคการเมืองแต่ละพรรคมีโอกาสได้รับจากการเลือกตั้งทั้งสองระบบมา รวมกันพบว่าหากมีการเลือกตั้งสมําชิกสภาผู้แทนราษฎรในช่วงเวลานี้พรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่มีโอกาสได้ที่นั่ง มากที่สุด รวม 208 ที่นั่ง รองลงมาเป็นพรรคเพื่อไทย 105 ที่นั่ง พรรคภูมิใจไทย 61 ที่นั่ง พรรครวมไทยสร้างชาติ 34 ที่นั่ง พรรคพลังประชารัฐ 30 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ 22 ที่นั่ง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 ที่นั่ง และพรรค ประชาชาติ 9 ที่นั่ง ตามลําดับ ส่วนที่นั่งที่เหลือจะกระจายไปยังพรรคการเมืองอื่น ๆ รวม 21 ที่นั่ง

ภาพถ่ายหน้าจอ 2567 05 26 เวลา 14.57.50

คนส่วนใหญ่อยากให้ “พิธา” เป็นนายกฯ ตามด้วยพลเอกประยุทธ์ ส่วนนายกฯ เศรษฐามาที่ 4

เมื่อสอบถามว่าถ้าเลือกได้ ท่านอยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยในช่วงเวลานี้มากที่สุดผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ ระบุว่า อยากให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 46.9 รองลงมาระบุว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 17.7 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 10.5 นายเศรษฐา ทวีสิน ร้อยละ 8.7 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 3.3 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ร้อยละ 1.7 และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ร้อยละ 0.4 ตามลําดับ นอกจากนี้ ยังมีผู้ตอบที่ระบุชื่อคนอื่น ๆ รวมกับที่ยังไม่เห็นว่ามีคนที่ เหมาะสมอีก ร้อยละ 10.9

ภาพถ่ายหน้าจอ 2567 05 26 เวลา 14.59.52

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo