ประโยชน์ของวัคซีนไม่ได้จำกัดอยู่แค่วัยเด็กเท่านั้น แต่ยังรวมถึง “ผู้สูงอายุ” เพราะเมื่ออายุมากขึ้น ภูมิคุ้มกันก็จะลดตามลงไปด้วย
วัคซีนผู้สูงอายุ จึงเป็นตัวช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน เพื่อป้องกัน และลดความรุนแรงของโรคติดเชื้อต่าง ๆ ในผู้สูงอายุ ซึ่งการป้องกันโรคย่อมดีกว่าการเกิดโรคแล้วค่อยมารักษา
วัคซีนผู้สูงอายุคืออะไร “ทำไมควรฉีด”
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า “วัคซีน” คือ ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ที่ทำจากเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ซึ่งถูกทำให้อ่อนกำลังลงอย่างมาก หรือทำให้ตาย หรือสกัดบางส่วนของเชื้อ แล้วนำมาฉีดเข้าสู่ร่างกาย เพื่อกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกัน ส่งผลให้ร่างกายสามารถกำจัดเชื้อได้รวดเร็วหลังจากมีภูมิคุ้มกันแล้ว
ส่วนเหตุผลที่ควรฉีดวัคซีนผู้สูงอายุ เพราะเมื่ออายุมากขึ้น ภูมิคุ้มกันก็จะลดลง เนื่องจากการทำงานของภูมิคุ้มกันเสื่อมถอย ผู้สูงอายุจึงเสี่ยงต่อโรคติดเชื้อมากขึ้น
หากเกิดโรคติดเชื้อก็มักหายช้า หรือต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน การเสริมภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีนผู้สูงอายุจึงช่วยลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยที่อาจยาวนานและรุนแรงได้อย่างมาก
เมื่ออายุมากขึ้น ภูมิคุ้มกันลด เสี่ยงต่อโรคติดเชื้อ! ป้องกันไว้ก่อนย่อมดีกว่าด้วยวัคซีนผู้สูงอายุ
4 วัคซีนผู้สูงอายุจำเป็น “ฉีดก่อน ลดเสี่ยง”
- วัคซีนไข้หวัดใหญ่
“ไข้หวัดใหญ่” เป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจที่พบบ่อย และมักจะมีการระบาดช่วงฤดูฝน อาการโดยทั่วไปอาจจะทำให้เป็นไข้ ไอ ปวดเมื่อยตามตัว ในผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง อาการจะหายเองในเวลา 3-5 วัน แต่ในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหอบหืด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตเรื้อรัง โรคเบาหวาน มักมีความเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรง ถึงขั้นต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาล
วัคซีนไข้หวัดใหญ่จึงเป็นหนึ่งในวัคซีนผู้สูงอายุที่จำเป็น โดยในแต่ละปีจะมีการคัดเลือกสายพันธุ์ของไข้หวัดใหญ่ ที่มีแนวโน้มจะระบาดมาผลิตเป็นวัคซีนประจำฤดูกาล เนื่องจากในแต่ละปีเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่อาจจะมีการเปลี่ยนสายพันธุ์ และในทุกปีร่างกายก็จะสร้างภูมิคุ้มกันได้ลดลงด้วย
การรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำฤดูกาลทุกปี จึงช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้เพียงพอต่อการป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่
- วัคซีนปอดอักเสบ และโรคติดเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัส
เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง โดยเชื้อจะติดต่อเข้าสู่ร่างกายผ่านการสัมผัสเชื้อ เข้าสู่เยื่อบุจมูกหรือลำคอ หากเกิดการติดเชื้อ จะก่อให้เกิดโรคปอดอักเสบเฉียบพลัน ทำให้ไอมีเสมหะ หอบเหนื่อย มีไข้ และหากเชื้อรุกรานมากขึ้นจะกลายเป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัสแบบรุกราน (Invasive pneumococcal disease) หมายถึง เกิดการติดเชื้อในกระแสโลหิต หรือโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคติดเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัสแบบรุกรานได้ง่ายกว่าคนหนุ่มสาว การรับวัคซีนผู้สูงอายุดังกล่าวจึงช่วยลดความรุนแรงของโรคได้
- วัคซีนงูสวัด
โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับโรคอีสุกอีใส ซึ่งมักแฝงตัวโดยไม่ก่ออาการในปมประสาทบริเวณใกล้ไขสันหลัง เมื่ออายุมากขึ้น ภูมิคุ้มกันลด จะทำให้เชื้อเหล่านี้ออกมาจากปมประสาท และเกิดการอักเสบตามแนวเส้นประสาท ทำให้เกิดตุ่มน้ำที่ผิวหนัง และมีอาการแสบร้อน
แม้ตุ่มน้ำจะหายแล้ว อาการแสบร้อนยังคงอยู่ได้เป็นเวลาหลายเดือน ซึ่งรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก ดังนั้นจึงมีคำแนะนำให้ฉีดวัคซีนงูสวัดในผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป เพื่อป้องกันโรคดังกล่าว
- วัคซีนโรคคอตีบ-บาดทะยัก
วัคซีนนี้ได้รวมวัคซีนสำหรับโรครุนแรง 2 โรค ประกอบด้วย
คอตีบ เป็นโรคคออักเสบรุนแรงจากแบคทีเรีย ซึ่งเชื้อนี้จะสร้างแผ่นเยื่อขาวเกาะอยู่ที่คอหอย ทำให้เสียชีวิตจากทางเดินหายใจอุดกั้น หรือเสียชีวิตจากสารพิษที่เชื้อสร้างขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและปลายประสาทอักเสบ
บาดทะยัก เกิดจากสารพิษของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเชื้อนี้จะเจริญเติบโตได้ในบาดแผลลึกหรือแผลเน่าเปื่อย และสร้างสารพิษปล่อยเข้ากระแสโลหิต ทำให้เกิดภาวะชักเกร็ง กล้ามเนื้อไม่ทำงาน และหยุดหายใจได้
ตอบข้อสงสัย คลายกังวล ก่อนฉีดวัคซีนผู้สูงอายุ
หลายคนอาจมีความกังวลในการฉีดวัคซีน แต่อันที่จริงแล้วผลข้างเคียงจากวัคซีนมักเป็นผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรง และไม่ได้เกิดกับทุกคน โดยผลข้างเคียงที่พบบ่อย เช่น อาการปวดบริเวณที่ฉีดวัคซีน หรือมีไข้ต่ำ ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะหายได้เองในเวลา 1-2 วัน
อย่างไรก็ตาม หากกำลังมีไข้หรือเจ็บป่วยเฉียบพลัน แนะนำว่าควรให้หายดีแล้วจึงมารับวัคซีนในภายหลังเพื่อความปลอดภัย
ส่วนผู้ที่มีโรคประจำตัว ก็สามารถรับวัคซีน และได้ประโยชน์เช่นเดียวกัน แต่หากมีโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือรับประทานยาที่มีฤทธิ์กดภูมิคุ้มกัน ควรขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อพิจารณารับเฉพาะวัคซีนชนิดไม่มีเชื้อ หรือวัคซีนเชื้อตาย และหลีกเลี่ยงวัคซีนที่มีเชื้ออ่อนกำลัง เพราะผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำอาจติดเชื้อจากวัคซีนที่มีเชื้ออ่อนกำลังได้ หากไม่มั่นใจว่าโรคประจำตัวที่เป็นอยู่ทำให้มีภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือไม่ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ที่ดูแลประจำก่อนรับวัคซีนเพื่อความมั่นใจ
เป้าหมายสำคัญในการดูแลตัวเองคือการส่งเสริมสุขภาพให้ยังคงแข็งแรง สามารถใช้ชีวิตได้เป็นปกติและมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งการได้รับวัคซีนผู้สูงอายุอย่างเหมาะสม ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันการเกิดโรค และช่วยลดความรุนแรงของอาการเจ็บป่วยได้นั่นเอง
บทความ: อ.นพ.เอกภพ หมอกพรม สาขาวิชาอายุรศาสตร์ปัจฉิมวัย ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
ที่มา: เว็บไซต์ Gen ยัง Active
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หมอมนูญ’ ชี้ไข้หวัดใหญ่ระบาดหนัก เตือน!! ระวังตัว รีบรับวัคซีน
- ‘WHO’ คัดเลือกสายพันธุ์ไข้หวัดใหญ่ของไทย ผลิตวัคซีนประจำปี 67 ใช้ประเทศซีกโลกใต้
- ‘โรคงูสวัด’ ภัยเงียบที่ซ่อนในตัวเรา เรื่องที่วัย 50+ ควรรู้จากโครงการ ‘Gen ยัง Active 50+’