บันทึกการเดินทางในครั้งนี้ ลุงม่วงจะพาไปเที่ยวที่จังหวัดกาญจนบุรี อีกหนึ่งจังหวัดที่เดินทางง่ายไม่ไกลมากนัก กับการท่องเที่ยวในรูปแบบวิถีถิ่น กินเที่ยว เชิงวัฒนธรรม ท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย และรับผิดชอบตามมาตรการ New Normal
สังขละบุรี
อำเภอหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี มีจุดท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง สะพานไม้อุตตมานุสรณ์ หรือที่เรียกกันว่า สะพานมอญ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และเป็นสะพานไม้ที่ยาวเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสะพานไม้อูเบ็ง ในประเทศพม่า เป็นสะพานที่ข้ามแม่น้ำซองกาเลีย
สะพานมอญแห่งนี้สร้างขึ้นโดยดำริของ หลวงพ่ออุตตมะ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม เมื่อปี 2529 โดยใช้แรงงานของชาวมอญ เป็นสะพานไม้ที่ใช้สัญจรไปมาของชาวมอญ และชาวไทยที่อาศัยอยู่บริเวณนี้
เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2556 สะพานมอญได้พังทลายขาดเป็น 2 ท่อนในช่วงกลางสะพาน เนื่องจากเกิดเหตุฝนตกหนักติดต่อกัน ทำให้เกิดน้ำป่าไหลเชี่ยวกรากจากทุ่งใหญ่นเรศวร พัดขยะตอไม้ลงสู่แม่น้ำซองกาเลีย ปะทะกับเสาสะพานทำให้เกิดขาดกลาง หลังจากผ่านไป 1 ปี การซ่อมแซมสะพานแห่งนี้ก็ยังไม่เสร็จ เนื่องจากมีปัญหาด้านบริษัทผู้รับเหมา ที่ไม่สามารถนำไม้จากภาคอีสานมาซ่อมแซมได้ เนื่องจากเกรงว่าจะผิดกฎหมาย
ในที่สุดสะพานมอญก็ได้รับการซ่อมแซมจนสำเร็จจากทหารช่างกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ ใช้เวลาเพียงแค่ 29 วัน และมีพิธีเปิดใช้อีกครั้งอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 ตุลาคม 2557
แม่น้ำซองกาเลีย ต้นกำเนิดจากประเทศพม่าไหลพาดผ่านสะพานมอญ อำเภอสังขละบุรี หล่อเลี้ยงผู้คนสองฟากฝั่งแม่น้ำ และเชื่อมสัมพันธ์ชนชาติของทั้งสองประเทศมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน สายน้ำแบ่งแผ่นดินอำเภอสังขละบุรี ออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งคือตัวอำเภอ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่พูดภาษาไทย อีกฝั่งหนึ่งเป็นหมู่บ้านของชาวมอญ ทั้งที่ตั้งรกรากมานานนับร้อยปี และเพิ่งอพยพเข้ามาใหม่
เมืองบาดาล หรือ วัดใต้น้ำ อีกหนึ่งจุดที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวสังขละบุรี เราสามารถนั่งเรือรับจ้างบริเวณสะพานมอญ เพื่อไปชมความงามของวัดใต้น้ำแห่งนี้ได้
ในอดีตบริเวณนี้เป็น วัดวังก์วิเวการามเดิม ที่หลวงพ่ออุตตมะ และชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างขึ้น เมื่อ ปี 2496 ในบริเวณที่เรียกว่า สามประสบ ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำสามสาย คือ แม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ และแม่น้ำรันตี ไหลมาบรรจบกัน
ต่อมาในปี 2527 มีการก่อสร้างเขื่อนเขาแหลม ทำให้น้ำท่วมตัวอำเภอสังขละบุรีเก่า รวมทั้งวัดนี้ด้วย หลวงพ่อจึงได้ย้ายมาสร้างวัดบนเนินเขา ส่วนวัดเดิมได้จมอยู่ใต้น้ำมานานนับสิบปี ในช่วงฤดูแล้งราวเดือนมีนาคม-พฤษภาคม น้ำจะลดลงจนตัวโบสถ์โผล่พ้นน้ำ สามารถนั่งเรือ และขึ้นไปเดินเที่ยวชมโบสถ์ได้
มาเที่ยวสังขละบุรี ก็ไม่ควรพลาดที่จะมาตักบาตรตอนเช้าบริเวณเชิงสะพานมอญ
บรรยากาศของตลาดตอนเช้าบริเวณใกล้กับสะพานมอญ เราจะได้พบเห็นกับสินค้าหลากหลายชนิด สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นอาหารพื้นถิ่น ขนมแปลกๆ รวมไปถึงหัตถกรรมพื้นบ้าน ผ้าทอ เป็นต้น
ขนมเบื้องมอญแสนอร่อย ขนมที่หาทานได้ยาก ปัจจุบันไม่ค่อยมีคนทำขายแล้ว มีทั้งแบบใส่ถั่ว และไม่ใส่ถั่ว
ไม่ไกลจากสะพานมอญมากนัก เราเดินทางมาที่ วัดวังก์วิเวการาม หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “วัดหลวงพ่ออุตตมะ” นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของอำเภอสังขละบุรีแล้ว ยังเป็นวัดที่มีความสำคัญมากสำหรับคนท้องถิ่น เพราะเป็นศูนย์รวมทางจิตใจของคนหลายเชื้อชาติ ที่อาศัยอยู่ในอำเภอสังขละบุรี ทั้งชาวไทย และกะเหรี่ยง โดยเฉพาะสำหรับชาวไทยเชื้อสายมอญ ที่เปรียบหลวงพ่ออุตตมะเป็น “เทพเจ้าแห่งชาวมอญ”
เดินเข้ามาด้านในเราจะพบกับปราสาทเก้ายอด ซึ่งก็คือ โลงบรรจุสังขารของหลวงพ่ออุตตมะ มีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ทางศิลปกรรมของชนชาติมอญ โดยฝีมือช่างจากเมืองเชียงใหม่ ตัวโลงเจาะช่องใส่กระจกให้มองเห็นภายในได้ เรียกว่า “ลายขุนแผนเปิดม่าน” คนโบราณมีความเชื่อว่า การทำปราสาทมอญ เป็นการส่งวิญญาณให้ไปสถิต ณ สรวงสวรรค์
เจดีย์พุทธคยา อยู่ห่างจากวัดวังก์วิเวการาม ราว 500 เมตร สร้างเมื่อปี 2521 โดยหลวงพ่ออุตตมะ ด้วยความตั้งใจของหลวงพ่อที่่ต้องการจะจำลองเจดีย์พุทธคยาซึ่งเป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าในประเทศอินเดีย มาไว้เป็นศูนย์กลางสำหรับชาวพุทธที่อยู่รวมกันได้โดยไม่แยกเชื้อชาติ
บนยอดพระเจดีย์พุทธคยา เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่หลวงพ่ออุตตมะ อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา เพื่อให้ชาวไทยได้สักการะบูชา
จากวัดวังก์วิเวการาม เราเดินทางมาที่ ชุมชนบ้านเวียคะดี้ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก เพื่อมาเยี่ยมชมการทอผ้า โดยชุมชนนี้ เป็นที่อยู่ของชาวไทยเชื้อสายกระเหรี่ยงเป็นส่วนใหญ่ มีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย พึ่งพิงอิงแอบธรรมชาติ Ffpลวดลายการทอผ้าของชาวกระเหรี่ยง เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ งดงามเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากนั้นเราได้เดินทางมาที่บ้านกำนัน บ้านเวียคะดี้ เพื่อมาเยี่ยมชมกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันงาสกัดเย็น สินค้าขึ้นชื่อของที่นี่ บรรจุขวดพร้อมจำหน่าย
หลังจากนั้นพวกเราเดินทางมาที่ ด่านเจดีย์สามองค์ ซึ่งตั้งอยู่ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เป็นเขตสิ้นสุดชายแดนฝั่งตะวันตกของไทย บริเวณด่านจะมีเจดีย์สามองค์ตั้งเรียงกันในแนวยาว ในอดีตเป็นเพียงก้อนหินที่ชาวบ้านนำมาวางไว้สักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนเดินทางผ่านไปยังพม่า
จุดนี้เป็นเส้นทางเชื่อมโยงไทย-พม่าที่สำคัญ และยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในอดีต ที่กองทัพพม่ายกทัพเข้ามาในประเทศไทยเป็นครั้งแรก เพื่อไปตีอยุธยา
บริเวณเจดีย์สามองค์ในวันนี้ค่อนข้างจะเงียบเหงา ตรงจุดนี้ยังมีสินค้าวางจำหน่ายอยู่พอสมควร สินค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นจำพวกของฝาก สินค้าจากประเทศพม่า ของกิน ขนมต่างๆ รวมไปถึงงานหัตถกรรม
ทานาคา หรือแป้งพม่า ที่ชาวพม่านิยมใช้ทาหน้า และทาตัว ก็มีวางขายเช่นกัน
ชุมชนบ้านอีต่อง ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
ชุมชนน่ารัก บรรยากาศโรแมนติก มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และมีประวัติศาสตร์มากมาย
ท่องเที่ยวชุมชน อย่าลืมสวมหน้ากากอนามัยกันด้วยนะครับ
หมู่บ้านอีต่อง เกิดขึ้นพร้อมๆ กับช่วงที่ทางการเปิดเหมืองปิล๊อก เพื่อทำการขุดแร่วุลแพรม และดีบุก และให้สัมปทานกับบริษัทเอกชน เข้ามาทำเหมืองบางส่วน ทำให้หมู่บ้านอีต่องมีคนเข้ามามาก เกิดการแลกเปลี่ยนค้าขาย มีสถานบันเทิง และโรงหนังสำหรับคนงานที่เข้ามาทำเหมือง จนกระทั่งเกิดวิกฤตการณ์ราคาแร่ตกต่ำทั่วโลก เหมืองจำนวนมากทยอยปิด คนงานอพยพไปหางานทำที่อื่น ทำให้หมู่บ้านอีต่องกลายเป็นหมู่บ้านที่เงียบสงบ
ปัจจุบันหมู่บ้านอีต่องเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ริมชายแดนไทย-พม่า เป็นที่อาศัยของหลายชนชาติ จึงมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเรียนรู้วัฒนธรรมพื้นบ้านที่เงียบสงบ ยังคงไว้ซึ่งความเป็นธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่น สภาพอากาศเย็นสบายตลอดปี และตลาดอีต่องยังมีอาหารทะเลสดจากทะเลอันดามัน ฝั่งประเทศพม่าจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวอีกด้วย
บรรยากาศหมู่บ้านอีต่องที่อบอวลไปด้วยไอหมอก อากาศเย็นตลอดทั้งปี เพราะตั้งอยู่ไม่ไกลจากทะเลอันดามันฝั่งพม่ามากนัก และตั้งอยู่ในหุบเขา
น้ำตกจ๊อกกระดิ่น ตั้งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านอีต่องมากนัก เป็นน้ำตกที่สวยงามมากๆ เราสามารถเช่ารถจากชุมชนบ้านอีต่องให้มาส่งที่น้ำตกได้ ไม่แนะนำให้ขับรถเข้าไปเอง เพราะทางค่อนข้างแคบ และลาดชัน
น้ำตกจ๊อกกระดิ่น จะมีน้ำตลอดปี ถ้าไม่ใช่ฤดูฝนน้ำจะใส และเขียวเป็นสีมรกตสวยมากๆ
อีกหนึ่งไฮไลท์ของการมาบ้านอีต่อง คือการแวะชิมขนมเค้กของป้าเกล็น ชาวออสเตรเลียที่มาอยู่ที่บ้านอีต่องหลายสิบปี ด้วยความรัก และหลงใหลเมืองในหุบเขาแห่งนี้ ทำให้ปักหลักปักฐานอยู่ที่นี่จนถึงปัจจุบัน
ขนมเค้กของป้าเกล็นจะมีรสชาติอร่อย สามารถหาซื้อเป็นของฝากได้ ร้านจะตั้งอยู่ริมทางเมื่อย่างก้าวเข้ามาที่บ้านอีต่อง
ท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยกับเครื่องหมายตราสัญลักษณ์ SHA หรือ Amazing Thailand Safety & Health Administration มีชื่อเต็มในภาษาไทยว่า โครงการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย เป็นโครงการความร่วมมือของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับกรมควบคุมโรค กรมอนามัย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ฯลฯ
โดยนำมาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณสุขผนวกกับมาตรฐานการให้บริการที่มีคุณภาพของสถานประกอบการ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวว่าทุกคนจะได้รับประสบการณ์ที่ดี มีความสุข และความปลอดภัยด้านสุขอนามัยจากสินค้าและบริการนั้นๆ
จากบ้านอีต่อง ขากลับพวกเราแวะเที่ยวกันที่ เขื่อนวชิราลงกรณ์ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี หรือชื่อเดิมว่า เขื่อนเขาแหลม เป็นเขื่อนหินถมดาดคอนกรีตแห่งแรกของไทย สร้างขึ้นเพื่อปิดกั้นแม่น้ำแควน้อย โดยสร้างเสร็จในปี 2527
นอกจากผลิตกระแสไฟฟ้าแล้ว เขื่อนวชิราลงกรณ์ ยังมีประโยชน์ด้านการเกษตรและชลประทาน นักท่องเที่ยวสามารถขับรถขึ้นไปชมวิวบนสันเขื่อนได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชม
บริเวณด้านหน้าเขื่อนจะมีสวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษาบรมราชินีนาถ เป็นสวนที่ตกแต่งประดับประดาไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับ งดงามมาก
ต่อกันที่ มีนาคาเฟ่ ตั้งอยู่ที่ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี จุดเช็คอินสุดฮิต วิวทุ่งนาหลังวัดถ้ำเสือ ทำให้สามารถมองเห็นวิวของวัดถ้ำเสือได้อย่างชัดเจน แถมมีสะพานทอดยาวกลางทุ่งนาให้ได้เดินเล่นชมวิวอีกด้วย
ใกล้ๆ กัน คือ รักษ์คันนา ร้านกาแฟ และร้านก๋วยเตี๋ยว ที่มีวิวทุ่งนาสีเขียวรายล้อม มีสะพานทอดยาวกลางทุ่งนา มองเห็นวิวของวัดถ้ำเสืออยู่เบื้องหน้า ตัวร้านสร้างเป็นกระท่อมแบบเปิดโล่ง รับลมชมวิว ร้านขายอาหารแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ อาหารคาวเน้นเป็นก๋วยเตี๋ยว ลูกชิ้นปิ้ง และของหวาน อย่างเช่น เครื่องดื่ม และ ขนมเค้ก
ภายในร้านจะเป็นเบาะนั่งกับพื้น มีมุมให้ได้นั่งห้อยขา บรรยากาศ และวิวทิวทัศน์ดีทีเดียว ร้านเปิดโล่งลมพัดเย็นสบาย
จากลากันไปพร้อมกับก๋วยเตี๋ยวแสนอร่อยของร้านรักษ์คันนา แล้วพบกันใหม่ในโอกาสต่อไป สวัสดีครับ
#AMAZINGไทยเท่ #เที่ยวไทยเที่ยวง่ายสนุกทุกทริป
ที่มา : เฟซบุ๊กเพจ ม่วงมหากาฬพาเที่ยว : Life for Travel
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ส่องวิถีถิ่น เที่ยวเมืองเก่า ‘แก่งคอย’ สระบุรี
- ‘กาญจนบุรี’ เที่ยวสนุกไม่รู้ลืม ไทยเที่ยวไทย ไปเที่ยวกัน
- เที่ยวสระบุรี ไหว้พระทำบุญ เที่ยวชุมชนตลาด เช็คอินเที่ยววิถีถิ่น